Whatever they say, stay with Hyukoh: พิธีกรรมในอุโบสถดนตรีของเหล่าหลวงพี่ Hyukoh

นมัสการค่ะ/ครับ

ไหว้สวยๆ ให้หลวงพี่ชุดสูทแดงโอเวอร์ไซส์บนเวทีพร้อมกระป๋องเบียร์ในมือ พร้อมกวาดสายตามองประชาชนที่ยืนเต็มพื้นที่ฮอลล์อุโบสถดนตรี

พอท่อน “And we play comes and goes ’cause we did this when we were child before and we play comes and goes ’cause big boys still play the game all the time.”  ขึ้น (หลวงพี่) โอฮยอกแอนด์เดอะแก๊งก็เร่งจังหวะความออริจินัล เทศนาเราด้วยเสียงแหบๆ เล่นนิ่งๆ แต่ดนตรีโคตรเท่ ในเพลง ‘Comes and Goes’

แล้วญาติโยมก็ต่างพากันแซ่ซ้องรับพร เต้นมึนๆ โบกมือหวิวๆ วู้วๆ (ยัง ยังไม่เมาสิโยม)

เสียงลือเสียงเล่าอ้างมีมานานแล้วว่าฮยอกโอ (Hyukoh) วงร็อคอินดี้สัญชาติเกาหลีเล่นสดดีแค่ไหนใน live performance ของพวกเขา ถึงแม้หลวงพี่และเพื่อนๆ จะพูดไม่ค่อยเก่ง แต่เรื่องนี้ว่ากันด้วยฝีมือและการฮีทฝูงชนให้มีอารมณ์ร่วมไปกับเวลาเกือบสองชั่วโมงในพื้นที่สี่เหลี่ยม ซึ่งคอนเสิร์ต ‘Hyukoh live in Bangkok 2017’ ในวันที่ 15-16 กรกฎาคมที่ Voice Space ก็พีคจนได้ยินเสียง “หลวงพี่!!!” “ฮยอกโอววววว” “อ้ปป้าา ชาลันดาา!!” ดังขึ้นมาในความเงียบเป็นระยะๆ

เพราะเสียงร้องของโอฮยอกเหมือนหลุดทะลุมิติซีดีออกมา, ฮยอนแจตอนเลื่อนสูทขึ้นมาไว้แถบข้อศอกแล้วกระดกแว่นเท่มาก, ดงกอนที่ยื่นเบียร์เป็นท่าทีว่าดื่มร่วมกันกับคนดูเปรี้ยวใจแฟนเพลง และอินวูที่โบกไม้กลองอยู่ด้านหลังก็เติมเต็มชีวิตจิตใจเราได้หมดจด

และสิ่งที่ชัดเจนมากๆ มองเป็นภาพรวมแล้วมีกรูฟที่สวยดี คือแฟนเพลงหลายคนที่ขอยืนเฉยๆ กอดอกพยักหน้าอยู่ในมุมต่างๆ ประมาณว่า ‘ขอฟังเพลงเนาะ’ Tokyo Inn ก็ไม่เต้น, Leather jacket มันมากแต่กราฟโยกไม่ขึ้น 2002Worldcup ก็ยังนิ่งอยู่ ในขณะที่บางคนก็ดีดจนซื้อเบียร์กระป๋องที่สามไปเรียบร้อยแล้ว

แต่หลังจากเล่นเพลงจังหวะร็อคไปได้สักพัก ความน่าเอ็นดูก็แผ่ไพศาลไปทั่วเมื่อโอฮยอกในชุดแดงก้มเก้ๆ กังๆ หยิบโพยขึ้นมา “ซาหวัดดดีข่าบบบ เปงขั้งแร่กถี่ได่มา ดีใจมั่กมากข่าบ..จาเล่นเพล็งตอไป” (ถอดรหัสได้มาแบบนี้ ผิดถูกขออภัยด้วยค่ะ)

เจริญพรคนดูกันอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยและแรนดอมมากๆ ซึ่งตลกธรรมชาติและถือเป็นการทักทายแฟนเกิร์ล แฟนบอย และแฟนเพลงได้น่าประทับใจ น่าเลื่อมใสจริงๆ… สาธุ

โยกโซนไปในถิ่นของอ้ปป้า แฟนๆ ที่เกาหลีใต้ก็น่าจะรู้สึกเลื่อมใสในแนวเพลงและการแสดงสดตั้งแต่โอฮยอกเริ่มฟอร์มวงกับมือเบส อิมดงกอน Im Dong-gun, มือกีตาร์ ลิมฮยอนแจ Lim Hyun-jae และมือกลอง ลีอินวู Lee In-woo ราวๆ เดือนพฤษภาคม 2557 และเดบิวต์เดือนกันยายนในปีเดียวกัน

กระแสตอบรับในวงการเพลงใต้ดินค่อนข้างมาแรงเพราะเพลงดี เล่นสดก็ดีจนกระทั่งวงได้ไปออกรายการวาไรตี้ Infinite Challenge ซึ่งความฮาเด๋อๆ ของหลวงพี่นี่แหละที่รายการเอาไปทำเป็นมีมกราฟิกอย่างสนุกสนาน สมาชิกคนอื่นๆ ก็พูดไม่เก่งพอกันเลยทำให้เป็นวงที่เงียบได้อีก ซึ่งมันเป็นรายการวาไรตี้ที่ควรจะพูดหรือแสดงออกอะไรสักหน่อยไหม

ขนาดยูแจซอก พิธีกรชื่อดังของเกาหลียังถึงกับแกล้งปาดน้ำตาในเทปที่โอฮยอกขอพูดแทรกเรื่องการทำเพลง ถึงขั้นปาร์คมยองซู ดาราที่อยู่ในรายการวาไรตี้ด้วยกันแซวเล่นๆ ว่าให้ไปเรียกผู้จัดการมาคุยหน่อยดิ๊ (ว่าทำไมมันไม่มีสกิลกับรายการวาไรตี้ได้ยกวงขนาดนี้)

แต่ก็ยังถือว่าโชคดีอยู่บ้างที่ไอยู (IU) นักร้องสาวชื่อดังที่ชาวไทยรู้จักกันดีอยู่ในรายการเหมือนกันช่วยการันตีให้ว่า ฮยอกโอเป็นวงที่ดังมากๆ เลยนะคะตอนนี้ (ปี 2558) ถึงแม้ว่าน้องไอยูคนเดิมอาจจะอยากถอนคำพูดนั้นไปแล้ว เพราะรู้สึกประสาทกระเจิงกับการไม่ยอมพูดโปรโมทเพลง ‘Can’t Love You Anymore’ ที่ร่วมแต่งและร้องด้วยกันกับโอฮยอกเมื่อไม่นานมานี้ในปี 2560 และหลวงพี่ท่านก็ไม่ยอมพูดประโยค “ช่วยให้ความรักกันเยอะๆ นะค้าบ” ขนาดไอยูให้พูดแค่ “นะค้าบ” ก็ยังไม่ยอมทำจนไอยู (ผู้ซึ่งน่ารักคิ้วๆ) ง้างหมัดจะต่อยและบอกว่านายนี่มันจะเกินคนปกติไปแล้วนะ

ถึงแม้ว่าพระและสมาชิกวงพระจะไม่ค่อยได้พูดอะไรเยอะ แต่ความสามารถก็ชัดเจนแบบไม่ต้องพูดเยอะเช่นกัน พวกเขาเป็นศิลปินวงแรกที่ได้เซ็นสัญญากับสังกัด HIGHGRND ซึ่งเป็นค่ายย่อยของบริษัทใหญ่อย่าง YG Entertainment (ค่ายเดียวกับ  Bigbang) อย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2558

ก่อนออกอัลบั้ม 23 ฮยอกโอมีโอกาสได้เข้าร่วมเทศกาลดนตรีที่เซี่ยงไฮ้และปักกิ่งในฐานะวงดนตรีอินดี้ของเกาหลี และพีคต่อด้วยการไปแสดงสดที่งาน Summer Sonic Festival ที่ญี่ปุ่นในเดือนสิงหาคมของปีที่ผ่านมา รวมถึงรางวัล Best Rock Band Award ในงาน 30th Golden Disc Awards หรือ Newcomer of the Year ของงาน 13th Korean Music Awards ในปี 2559 ‘Wi ing Wi ing’ เพลงฮิตจากอัลบั้ม 20 ที่ชาวเราฟังกันจนวิ้งไปถึงสมองเมื่อวานก็ฮิตตั้งแต่ช่วงที่ปล่อยเพลง ได้รางวัล Most Downloaded Song ของ Naver Yearly Ranking เมื่อปี 2558 และยังมีศิลปิน/ไอดอลเกาหลีมากมาย เช่น ชานยอลวง EXO นำไป cover ต่อจนติดหูติดใจ

ผมเขียน Wi ing Wi ing ตอนอายุ 19 ช่วงนั้นเบื่อๆ โดนปฏิเสธจากบริษัทต่างๆ และคิดว่าคงไม่มีใครต้องการผมแล้วสินะ

โอฮยอกเล่าในคลิปสั้นๆ ของรายการ Vogue girl

ถึงแม้จะเป็นวงที่เน้นเล่นสดและมีฟีลของความหลงใหลในดนตรีร็อคจนเหมือนทั้งวงสร้างโลกจำลองของตัวเองขึ้นมา แต่บรรยากาศคอนเสิร์ตก็ดูสบายๆ เข้าถึงง่ายอย่างน่าประหลาดใจ เหมือนถูกปล่อยเซอร์อยู่ในวัดอินดี้ร็อค และหลวงพี่ก็ขี้เล่นเป็นกันเองในความเด๋อๆ น่าเอ็นดูของท่าน

“So…”

หลังจาก “ขอบคุณค่าบ” ในเกือบทุกเพลง ระหว่างเพลงที่ไม่รู้จะพูดอะไร โอฮยอกมักจะหลุดคำนี้ออกมาให้คนดูเอ็นดูอีกรอบ ไม่นับการอ้อนให้มาดูอีกในปีหน้า

สมาชิกคนอื่นๆ ในวงก็ดูสนุกสนานและน่ารัก อย่างฮยอนแจมือกีตาร์ก็เดินวนๆ มาบอก “ขอบคุณค้าบ” อยู่บ่อยๆ ผ่านไมค์ตัวกลางและโบกมือบ๊ายบาย แม้แต่ดงกอนผู้รักสงบก็ยังบอก “ขอบคุณค้าบ” เหมือนกันในสำเนียงที่น่าเอ็นดู และลองบ๊ายบายดูบ้างทั้งๆ ที่ยังยืนนิ่งๆ นั่นล่ะ

กลางๆ คอนเสิร์ตหลายคนก็เริ่มจมดิ่งลงไปในอารมณ์หมอกๆ ควันๆ โดนเสียงคมๆ ของกีตาร์ฮยอนแจและเสียงแหบลึกของโอฮยอกดูดเข้าไปในโพรงดนตรี โดยเฉพาะเพลง ‘Reserved Seat’ ที่ช่วง outro หว่องจนสามารถหมุนตัวเป็นลูกข่างแบบสโลโมชั่นและจิบเบียร์อุ่นๆ ไปด้วยได้

นอกจากความแม่นยำและมั่นใจในการแสดงสดของพวกเขา ยอมรับจริงๆ ว่าเพลงช้าแต่ละเพลงป่นใจคนฟังในรูปแบบที่แตกต่างกัน

“เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของผมในอัลบั้ม 23 ครับ”

แล้วเพลง ‘Tomboy’ ก็ดังขึ้นพร้อมเสียงโฮของแฟนเพลงที่ใจร้าวมาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

…หลวงพี่ช่างโหดร้าย

แสงสีและความวิบวับของไฟก็มีส่วน หลายคนเลยเบลอในเพลง ‘Mer’ และเพ้อเจ้อมากๆ ใน ‘Gondry’ ท่อน Sitting on the Sunshine ดังก้องในไฟสลัวๆ บรรยากาศที่คนทั้งสนใจและไม่สนใจกันมันขับ ambience ความรู้สึกร่วมได้กลมกล่อม ยังนึกสงสัยว่าแฟนๆ ที่จับจองที่เดิมแล้วยืนฟังเพลงของศิลปินตั้งแต่เพลงแรกจนถึงเพลงสุดท้ายจะซึมซับไอเศร้าที่ตีอารมณ์จนฟูได้มากขนาดไหน

การแสดงวันสุดท้ายสายกีตาร์โอฮยอกถึงกับขาดไประหว่างเล่น

โอฮยอกร้องเพลงช้าได้บาดใจ ทั้งแบนด์ฮยอกโอก็เร่งสร้างดนตรีให้ใจบางเหมือนกระดาษสาสากๆ ที่มีกลิ่นหอม มันฟุ้งกระจายเป็นควันเหมือนความเท่ใน MV ‘Wanli’ และจบลงอย่างน่ารักเหมือนทำนองเพลง ‘Wi ing Wi ing’ ตอนที่ทุกคนถือเบียร์กันขึ้นมาซดคนละหน่อยก่อนเล่นปิดท้าย

การสัมภาษณ์มันแสดงสิ่งที่เราเป็นไม่ได้เท่าไหร่ สิ่งที่จะยืนยันได้คือคุณต้องมาดูพวกเราเล่นครับ

โอฮยอกเคยพูดไว้ ยอมใจจนอยากลูบหัวหลวงพี่สักทีสองที

เจริญพร

(หมายเหตุ : ขอบคุณคำแปลคลิปจาก Hyukoh TH สำหรับใช้ในการประกอบข้อมูล)

Author

ณัฐชานันท์ กล้าหาญ
ศิลปศาสตรบัณฑิต และมนุษย์ฟรีแลนซ์ที่สนุกและใส่ใจกับทุกงาน ไล่ตั้งแต่งานเขียน ถ่ายรูป สัมภาษณ์ แปลงาน ล่าม ไปจนถึงครูสอนพิเศษเด็กชั้นประถม ของสะสมที่ชอบมากๆ คือถุงเท้าและผ้าลายดอก เขียนเรื่องเหนือจริงด้วยความรู้สึกจริงๆ ออกเป็นหนังสือ 'Sad at first sight' ซึ่งขายหมดแล้ว ผลงานล่าสุดคือ I Eat You Up Inside My Head รับประทานสารตกค้างในกลีบดอกปอกเปิก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า