โจแอนนา พาลานี (Joanna Palani) คือผู้หญิงที่กลุ่ม IS ประกาศตามล่า พร้อมให้ค่าหัว 1 ล้านดอลลาร์ หากใครจับตายเธอได้
ที่ความตายของเธอมีราคาสูงลิ่ว เพราะเธอคือหนึ่งในหน่วยพิทักษ์ประชาชนชาวเคิร์ด (YPG) และนักรบแห่งกองทัพเพชเมอร์กา (Peshmerga-ภาษาเคิร์ดแปลว่า ‘ผู้ที่กล้าเผชิญหน้ากับความตาย’) และเคยให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Broadly ว่า
“กองกำลัง IS เป็นกองกำลังที่ถูกฆ่าได้ง่าย และมีความเชื่อในการสละชีวิตของตัวเองเพื่อการรบ (sacrifice) แต่ทหารของอัสซาดไม่ใช่แบบนั้น พวกเขาถูกฝึกมาเพื่อการรบด้วยยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย”
พาลานี ลูกและหลานสาวนักรบกองทัพเพชเมอร์กา สัญชาติอิหร่าน-เคิร์ด เกิดในค่ายผู้ลี้ภัยลามาดิ ประเทศอิรัก ในปี 1993 จากนั้นครอบครัวอพยพมาที่ประเทศเดนมาร์ก พาลานิอายุครบ 3 ปีพอดีในวันที่สงครามอ่าวเปอร์เซียเริ่มปะทุขึ้น
พฤศจิกายน 2014 พาลานีในวัย 22 ปี ทิ้งสถานะนักศึกษาวิชาปรัชญาและการเมือง บินจากโคเปนเฮเกนไปยังเขตพื้นที่สงครามซีเรีย ร่วมรบ YPG และเพชเมอร์กา หน่วยรบที่ถูกฝึกและสนับสนุนจากรัฐบาลเคอร์ดิช (Kurdish Regional Government) เพื่อต่อสู้กับกลุ่ม IS และกองทัพซีเรียของ ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด
กระทั่งเดือนมิถุนายน 2015 หลังบินกลับบ้านเกิดได้ 15 วัน ศาลเดนมาร์กมีคำสั่งริบพาสปอร์ต และไม่ให้ออกนอกประเทศเป็นเวลา 12 เดือน เหตุเพราะต้องการสกัดกั้นชาวเดนิช ไม่ให้ร่วมขบวนการต่อสู้ในเขตพื้นที่สงครามในตะวันออกกลาง
“เราจะต่อสู้เพื่อสิทธิ์ของผู้หญิง เพื่อประชาธิปไตย และนี่คือสิ่งที่ฉันเรียนรู้จากยุโรป ในฐานะเดนิชสาวคนหนึ่ง” – ข้อความของพาลานีในเฟซบุ๊ค
19 ธันวาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า พาลานีกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาล เพราะเธอสารภาพว่าในช่วงปีที่ผ่านมา เธอเดินทางไปที่โดฮา ประเทศกาตาร์ เป็นเหตุให้ศาลมีนัดพิจารณาความของเธอในเร็วๆ นี้ หากพบว่ามีความผิด เธอจะถูกส่งเข้าไปอยู่ในเรือนจำ Vestre Fængsel ในกรุงโคเปนเฮเกน คุกที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศเดนมาร์ก เป็นเวลาสองปี
วันที่พาลานีรู้ว่าพาสปอร์ตของเธอจะถูกยึด เธอชี้แจงในเฟซบุ๊คส่วนตัวว่า เธอเป็นทหารในกองทัพทางการ ที่ฝึกและให้การสนับสนุนโดยรัฐบาลเดนมาร์ก มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะมีเจตนาร้ายต่อเดนมาร์กและประเทศอื่นๆ
และในวันที่พาลานีขึ้นศาลอีกครั้งในข้อหาฝืนคำสั่งศาลออกนอกประเทศ เออบิล คาญา (Erbil Kaya) ทนายความของพาลานีชี้แจงว่า
“น่าสมเพชและเจ้าเล่ห์ที่สุด เราคงเป็นประเทศเดียวในโลกที่ลงโทษคนที่ต่อสู้ให้กับเดนมาร์กและกองทัพสากล ทำไมเราไม่ไปลงโทษผู้ที่สู้ให้กลุ่ม IS ล่ะ ฉันไม่เข้าใจเลย”
อย่างไรก็ตาม ระหว่างถูกกักตัวอยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก เธอยังคงถูกคุกคามจากกลุ่ม IS อยู่เรื่อยๆ ทั้งในโซเชียลมีเดีย และกลุ่ม IS ที่อยู่ในโคเปนเฮเกน
“มันยากมากสำหรับฉันในการพยายามใช้ชีวิตปกติในโคเปนเฮเกน เพราะ PET หรือองค์กรต่อต้านการก่อการร้ายประเทศเดนมาร์กมักจะโทรไปหานายจ้าง และบอกว่าฉันกำลังถูกคาดโทษด้านความปลอดภัยอยู่ นอกจากนั้นยังมีคนที่คอยต่อต้านฉันอยู่ด้วย ฉันรู้สึกเหมือนถูกทำให้โดดเดี่ยว”
อ้างอิงข้อมูลจาก: thesun.co.uk
dailymail.co.uk
independent.co.uk