วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา แมสซาชูเซตส์เป็นรัฐแรกในสหรัฐอเมริกาที่แบนบุหรี่ไฟฟ้าและยาสูบที่มีรสชาติ ซึ่งรวมถึงบุหรี่เมนทอล เมื่อ ชาร์ลี เบเคอร์ (Charlie Baker) ผู้ว่าการรัฐจากพรรครีพับลิกัน เซ็นอนุมัติกฎหมายที่มีจุดประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงในการเข้าถึงการสูบบุหรี่ของเยาวชน
“กฎหมายของแมสซาชูเซตส์เป็นหมุดหมายสำคัญที่จะต่อสู้กับการแพร่หลายของบุหรี่ไฟฟ้า และหยุดการวางกลุ่มเป้าหมายและมอมเมาเด็กๆ ของบริษัทยาสูบด้วยบุหรี่รสต่างๆ” แมทธิว ไมเออร์ส (Matthew Myers) แกนนำโครงการ Tobacco-Free Kids กล่าวแสดงความยินดีกับมาตรการใหม่ที่เตรียมประกาศใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มิถุนายน 2020
เดือนที่ผ่านมา แมสซาชูเซตส์และอีกหลายรัฐ ทั้งมิชิแกน มอนทานา นิวยอร์ค โอเรกอน โรดไอส์แลนด์ ยูทาห์ และวอชิงตัน ได้ห้ามและควบคุมการขายบุหรี่ไฟฟ้าชั่วคราว แต่แมสซาชูเซตส์เป็นรัฐแรกที่ใช้กฎนี้เป็นทางการถาวร
กฎหมายใหม่จะเข้มงวดให้การขายบุหรี่รสชาติต่างๆ ทำได้เฉพาะบาร์สำหรับสูบบุหรี่และฮุคคาบาร์ ซึ่งสามารถสูบได้แค่ในพื้นที่ โดยกฎนี้ควบคุมไปถึงยาสูบสำหรับไปป์ ซิการ์ และใบยาสูบสำหรับเคี้ยว นอกจากนี้ยังกำหนดภาษีนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าไว้ที่ 75 เปอร์เซ็นต์ และกระตุ้นให้บริษัทประกันสุขภาพครอบคลุมการให้คำปรึกษาเลิกบุหรี่
เบเคอร์บอกว่า เขาหวังว่ารัฐอื่นๆ จะหันมาใช้มาตรการเข้มงวดเหมือนแมสซาชูเซตส์ แต่มีเพียงศูนย์ป้องกันและควบคุมโรค (Centers for Disease Control and Prevention: CDC) และสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (Food and Drug Administration: FDA) เท่านั้นที่สามารถทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้
“บางทีใครสักคนก็ต้องเริ่มต้นก่อน” เบเคอร์กล่าว “มันชัดเจนมากที่เรื่องนี้ยังไม่เป็นนโยบายระดับชาติเร็วๆ นี้ ซึ่งขณะที่มันยังไม่เกิดขึ้น เราก็ต้องเริ่มเองเลย”
อย่างไรก็ตาม การจำกัดการขายบุหรี่รสชาติต่างๆ ครอบคลุมไปถึงบุหรี่เมนทอล เพราะหลายครั้งที่มีกฎหมายเกี่ยวกับยาสูบออกมา บุหรี่เมนทอลเป็นข้อยกเว้นหลายต่อหลายครั้ง เนื่องจากเป็นรสชาติที่คุ้นชินและได้รับความนิยมมานาน จนแทบไม่ต่างจากบุหรี่รสชาติดั้งเดิม
การศึกษาพบว่า บุหรี่เมนทอลมักถูกบริโภคอย่างไม่เหมาะสมโดยเด็กและเยาวชน และกลุ่มต่อต้านการสูบบุหรี่และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเคยให้เหตุผลไว้มากกว่านั้นว่า ชาวแอฟริกันอเมริกันคือตลาดสำคัญของบุหรี่เมนทอล
บุหรี่เมนทอลถูกดึงออกจากกฎหมายควบคุมยาสูบที่ออกโดย New York City Council เมื่อวันอังคาร ด้วยการสนับสนุนจากหลายฝ่าย รวมถึง อัล ชาร์ปตัน (Al Sharpton) นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งแย้งว่า การควบคุมบุหรี่เมนทอลจะยิ่งทำให้ตำรวจหาช่องใช้กฎหมายเข้าไปคุกคามชุมชนคนดำง่ายกว่าเดิม
ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานสาธารณสุขบอสตันได้ห้ามจำหน่ายบุหรี่เมนทอลในร้านสะดวกซื้อ เช่นเดียวกับหลายพื้นที่ของแมสซาชูเซตส์และแคลิฟอร์เนีย ที่เดินตามในการควบคุมบุหรี่เมนทอลและบุหรี่รสชาติอื่นๆ
ในทางกลับกัน อัยการสูงสุดรัฐแมสซาชูเซตส์ เมารา ฮีลีย์ ( Maura Healey) และผู้สนับสนุน ให้เหตุผลอีกด้านว่า การควบคุมบุหรี่เมนทอลและยาสูบรสชาติอื่นๆ เป็นเรื่องควรระวัง เพราะกฎหมายนี้พุ่งเป้าไปที่ตลาดยาสูบแบบเดิม ซึ่งขณะนี้บริษัทยาสูบได้สร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาดึงดูดเยาวชนไปแล้ว
The American Cancer Society’s Cancer Action Network บอกว่า กฎหมายนี้คือการส่งสารไปถึงบรรดากลุ่มอุตสาหกรรมยาสูบ
“วัยรุ่นกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่สูบบุหรี่มักเริ่มต้นจากการสูบผลิตภัณฑ์ที่มีรสก่อน และบริษัทยาสูบก็รู้เรื่องนี้ดี” องค์กรกล่าวในอีเมล
กันยายน 2019 สถิติจากศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคฯ ระบุว่า จำนวนของผู้ป่วยโรคปอดที่อาจเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าพุ่งสูงถึง 805 ราย
ผู้ที่ป่วยจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีจำนวนเพิ่มขึ้นใน 46 รัฐ โดย 10 รัฐมีรายงานผู้เสียชีวิต เมื่อพิจารณาจาก 373 กรณี และข้อมูลที่เข้าถึงได้ของผู้ป่วย กรมควบคุมโรคฯ เผยว่า 3 ใน 4 คือ ผู้ชาย และ 2 ใน 3 ของผู้ป่วยมีอายุระหว่าง 18-34 ปี โดย 16 เปอร์เซ็นต์อายุน้อยกว่า 18 ปี
ที่มาส่วนหนึ่งของกฎหมายนี้มาจากข้อกังวลเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าในสหรัฐ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับอาการป่วยโรคปอด หน่วยงานสาธารณสุขของแมสซาชูเซตส์ระบุตัวเลขว่ามีกว่า 200 คน ซึ่งในจำนวนนั้นเสียชีวิตไปแล้ว 3 ราย
เบเคอร์ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในเดือนกันยายน และสั่งแบนบุหรี่ไฟฟ้าทั้งมีรสชาติและไม่มีรสชาติเป็นการชั่วคราว โดยผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซตส์บอกว่า การแบนชั่วคราวจะยกเลิกก่อน 11 ธันวาคม และสำนักงานสาธารณสุขของรัฐจะออกข้อบังคับเพิ่มเติมมาแทนที่
ขณะที่สมาคมบุหรี่ไฟฟ้า Vapor Technology Association ซึ่งถูกท้าทายจากการจำกัดการสูบและจำหน่ายบอกว่า วิธีการที่ดีกว่าคือ เพิ่มเกณฑ์อายุขั้นต่ำที่สามารถซื้อบุหรี่ได้ให้เป็น 21 ปี ซึ่งจะกลายเป็นการควบคุมมาตรฐานการตลาดสำหรับผู้ผลิต
“การแบน (บุหรี่ไฟฟ้า) เท่ากับผลักผู้บริโภคไปหาการสูบบุหรี่แบบจุดสูบ ซึ่งเป็นต้นทางของการป้องกันโรคและการเสียชีวิตจากบุหรี่ในสหรัฐ หรือไม่ก็ทำให้เกิดการซื้อขายอย่างผิดกฎหมายในตลาดมืดขนาดใหญ่ที่จะเกิดใหม่” องค์กรกล่าว
อ้างอิงข้อมูลจาก:
time.com
สนับสนุนโดย