เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2021 สำนักข่าว The Economist รายงานว่า กฎหมายมาตรา 490 ของประเทศโมร็อคโค ทำให้ธุรกิจโรงแรมภายในประเทศซบเซาลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากกฎหมายดังกล่าวห้ามให้มีเพศสัมพันธ์หากยังไม่แต่งงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
กฎหมายมาตรา 490 ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “บุคคลเพศตรงข้ามกันทุกคนที่ไม่ได้เกี่ยวพันกันด้วยการแต่งงาน และมีปฏิสัมพันธ์ทางเพศต่อกัน จะถูกลงโทษด้วยการจำคุก 1 เดือน ถึง 1 ปี” ทำให้ทุกสัปดาห์เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการขอตรวจค้นรายการจองห้องของโรงแรม และทำให้พนักงานต้อนรับของโรงแรมต้องคอยตรวจเช็คใบจดทะเบียนสมรสของคู่หญิงชายก่อนที่จะมอบกุญแจห้องให้
เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชนบางส่วนในประเทศเป็นอย่างมาก ถึงแม้จะมีการเลือกตั้งรัฐบาลใหม่ไปแล้วเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา และทำให้โมร็อคโคได้ผู้นำที่มีแนวคิดเสรีนิยมมากยิ่งขึ้น อย่าง นายอาซิซ อาคันโนช (Aziz Akhannouch) มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งให้สัญญาแก่สาธารณชนว่าจะมีการทบทวนประมวลกฎหมายอาญาทั้งหมด แต่เขากลับละทิ้งพรรคร่วมรัฐบาลเพียงพรรคเดียวที่ประกาศจุดยืนในการยกเลิกกฎหมายมาตรา 490 ที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ในขณะนี้
ด้วยเหตุนี้เองทำให้เกิดข้อครหาขึ้นว่า กฎหมายนี้อาจมีผลให้เจ้าหน้าที่ได้ประโยชน์จากการเรียกเงินใต้โต๊ะจากคู่หนุ่มสาวและเจ้าของโรงแรมหากยังมีการบังคับใช้กฎหมายนี้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน เริ่มมีกระแสการปรับตัวของชาวโมร็อคโคในโลกอินเทอร์เน็ต อาทิ ธุรกิจให้เช่าแหวนแต่งงาน ไปจนถึงวิธีการจองโรงแรมแบบแยก 2 ห้อง โดยปล่อยเช่าห้องหนึ่งและแอบปีนระเบียงไปหาอีกห้องหนึ่งยามวิกาล
The Economist ยังรายงานไว้อีกว่า #stop490 เริ่มถูกใช้เป็นพื้นที่ถกเถียงในประเด็นดังกล่าวกันมากยิ่งขึ้นอีกด้วย