ช่วงเย็นวันที่ 15 พฤษภาคม สำนักข่าว CNN รายงานว่า คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือขู่สหรัฐว่าจะระงับการเจรจาประชุมสุดยอด The North Korea–United States Summit ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 เมษายน ณ ประเทศสิงคโปร์
ข่าวดังกล่าวเริ่มต้นมาจากสำนักงานข่าวกลางของเกาหลีเหนือ (Korean Central News Agency: NCNA) ระบุว่าพวกเขาอาจประกาศระงับการเจรจากับสหรัฐ เนื่องจากไม่พอใจการซ้อมรบกันระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐ
ซาราห์ แซนเดอร์ส (Sarah Sanders) เลขาธิการประจำทำเนียบขาวได้กล่าวว่า “รายงานข่าวดังกล่าวเป็นการรายงานของสื่อท้องถิ่นเกาหลีเหนือ ซึ่งทางสหรัฐจะรอยืนยันข่าวจากรัฐบาลเกาหลีเหนือโดยตรง” หลังจากมีข่าวนี้เกิดขึ้นทางเจ้าหน้าที่ได้รับการยืนยันจากกระทรวงต่างประเทศว่ายังไม่ได้รับข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการเจรจาใดๆ อย่างเป็นทางการจากรัฐบาลเปียงยาง
ด้านโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เฮเธอร์ นอเอิร์ท (Heather Nauert) กล่าวว่า “เรายังไม่ได้รับข้อมูลอะไรจากรัฐบาล หรือรัฐบาลของเกาหลีใต้ ที่ระบุว่าเราจะไม่ดำเนินการซ้อมรบ หรือระงับการประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และ คิมจองอึน ในเดือนหน้า”
นอกจากนี้นอเอิร์ทยังเตือนอีกว่า “อย่าเพิ่งคาดการณ์ไปเอง เพราะข่าวนี้เพิ่งออกมาทางเราต้องยืนยันข้อมูลดังกล่าวก่อน ขณะเดียวกันเรายังคงดำเนินการวางแผนการประชุมที่จะมีขึ้นในเดือนหน้า”
รัฐบาลสหรัฐยืนยันว่า สหรัฐยังคงดำเนินการซ้อมรบกับเกาหลีใต้ต่อไป และส่งสัญญาณเตือนนายคิมว่า ถ้าหากถอนตัวออกจากการประชุม จะยิ่งเพิ่มแรงกดดันให้กับสถานการณ์มากขึ้น
ด้านเกาหลีใต้กระทรวงการรวมชาติกล่าวว่า การเจรจาระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะมีขึ้นในวันพุธ แต่กลับได้รับจดหมายที่เป็นลายลักษณ์อักษรจาก รีซนกวอน (Ri Son Gwon) ผู้เจรจาระดับสูงของเกาหลีเหนือ ว่าการประชุมจะถูกเลื่อนออกไป โดยทางกระทรวงการรวมชาติให้ความเห็นว่า “เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่ทางเกาหลีเหนือเลื่อนการเจรจาออกไป เนื่องจากการซ้อมรบประจำปีระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐ” ซึ่งการกระทำดังกล่าวไม่สอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของคำประกาศปันมุนจอม (Panmunjom Declaration) ระหว่างผู้นำของทั้งสองประเทศในวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา
ในแถลงการณ์นี้ กระทรวงการรวมชาติให้คำมั่นในการดำเนินการปรึกษาหารืออย่างใกล้ชิดกับสหรัฐและกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ให้เป็นไปอย่างสันติและถาวรผ่านการปฏิบัติตามคำประกาศปันมุนจอม
รายงานของ KCNA ยังบอกอีกว่า การซ้อมรบทางอากาศ หรือที่เรียกว่า Max Thunder 2018 เป็นการขัดต่อคำประกาศปันมุนจอม ที่มีข้อตกลงยุติการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์ต่อกันและกัน และการซ้อมรบดังกล่าวถือเป็นการ “ยั่วยุโดยเจตนา”
ทาง ร็อบ แมนนิง (Rob Manning) โฆษกกระทรวงกลาโหมของสหรัฐกล่าวว่า “เกาหลีใต้และกองกำลังทหารสหรัฐฝึกซ้อมรบประจำปีเพื่อรักษาความพร้อมทางการทหาร ซึ่งการซ้อมรบของทั้งสองประเทศมีมานานหลายทศวรรษ และจะยังคงดำเนินต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง”
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนมีนาคม ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของเกาหลีใต้กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า คิมจองอึนเองเข้าใจดีว่าการฝึกร่วมทางทหารระหว่างเกาหลีและสหรัฐต้องดำเนินต่อไป
ต่อมาวันที่ 16 พฤษภาคม CNN ได้รายงานความคืบหน้าต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่ได้รับข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับการยกเลิกเจรจาที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้า
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ทำเนียบขาวว่า “เรายังไม่ได้เห็นหรือได้ยินอะไร และยังต้องคอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป” ทางผู้สื่อข่าวได้ถามประเด็นการเจรจา ที่จะพูดถึงประเด็นปลดอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งประธานาธิบดีได้พยักหน้าต่อประเด็นดังกล่าว
ทางฝ่ายรัฐบาลสหรัฐให้สัมภาณ์ว่า “ไม่ได้รับการแจ้งล่วงหน้าว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือขู่ยกเลิกการเจรจา ถ้าหากยังร่วมซ้อมรบกับเกาหลีใต้ หรือถ้าหากสหรัฐยังยืนยันให้เกาหลีเหลือปลดอาวุธนิวเคลียร์โดยทันที”
ในช่วงเช้าวันพุธตามเวลาท้องถิ่น รัฐบาลสหรัฐได้รับข้อความจากรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเกาหลีเหนือ คิม เค กวน (Kim Kye Kwan) ว่า “ถ้าสหรัฐยังคงกดดันให้เกาหลีใต้ให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์ เราจะไม่สนใจการเจรจาอีกต่อไป และไม่สามารถดำเนินการประชุมสุดยอด DPRK-US” ซึ่งในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่รัฐยังคงถกเถียงกันว่า เกาหลีเหนือยังคงดำเนินเจรจาต่อหรือไม่ หรือจะเกิดภัยคุกคามอะไรเพิ่มเติม
ซาราห์ แซนเดอร์ส กล่าวว่า “ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเดินหน้าเตรียมความพร้อมสำหรับการเจรจาที่จะเกิดขึ้น ท่านประธานาธิบดีพร้อมสำหรับการเจรจาเสมอถ้าทางเกาหลีเหนือต้องการ แต่ถ้าไม่ ทางเราก็เช่นกัน”