ด้วยลีลาอภิปรายที่โดดเด่นในสภา จนเคยถูกพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ่ายรูปผ่านจอมอนิเตอร์กลางสภามาแล้ว หลายคนอาจยังไม่เคยรู้จัก ‘ส.ส.จ้อน’ หรือ พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในบทบาทก่อนเข้าสู่วงการการเมือง
พิจารณ์ จบการศึกษาปริญญาตรีจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศกรรมไฟฟ้าโทรคมนาคม สถาบันนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เริ่มต้นอาชีพด้วยการทำงานเกี่ยวกับกิจการด้านโทรคมนาคม และภายหลังเปลี่ยนมาทำธุรกิจโรงงานผลิตอุปกรณ์งานช่างของครอบครัวภายใต้แบรนด์ ‘Pumpkin’
หลังจากได้รับช่วงต่อในการบริหารธุรกิจของที่บ้าน ความอิสระในการตัดสินใจและโอกาสที่ได้จากการลองผิดลองถูกที่บิดามอบหมายให้ลูกชายสามารถจัดการเองได้เต็มที่ ทำให้ Pumpkin ภายใต้การบริหารของพิจารณ์พลิกจากธุรกิจขนาดกลาง กลายมาเป็นธุรกิจที่มีรายได้ระดับพันล้านต่อปีในเวลาไม่นาน โดยขยายธุรกิจไปยังประเทศจีนเพื่อเป็นฐานส่งออกเครื่องมือช่างแบรนด์ไทยสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก
พิจารณ์เคยให้สัมภาษณ์ไว้กับนิตยสาร Modern Manufacturing ถึงแนวคิดในการบริหาร Pumpkin ว่า มีรากฐานมาจากการเลี้ยงดูของบิดา ทำให้เขามุ่งพัฒนาบุคลากรโดยส่งเสริมทั้งโอกาสทางด้านความรู้ การศึกษาต่างๆ รวมถึงบริหารงานแบบกระจายอำนาจ เพื่อลดปัญหาการทำงานแบบคอขวด เพราะพิจารณ์เชื่อว่า ‘คน’ คือ คำตอบสุดท้ายของทุกความสำเร็จ
“ตรรกะคุณพ่อผมดีมาก ท่านคิดว่าตอนนี้ในขณะที่ท่านยังอยู่ ถ้าผมทำผิดพลาดอะไร แกยังช่วยได้ แต่ถ้าท่านไม่อยู่แล้วจะเป็นอย่างไร ใครจะคอยช่วยเมื่อมีปัญหา”
นอกจากนี้ พิจารณ์ยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทย เขามองว่าเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Inteligence: AI) จะมีบทบาทสำคัญในอนาคตไม่กี่ปีข้างหน้า ประเทศไทยจึงจำเป็นที่จะต้องปรับตัวและรับมือ
“ทุกวันนี้โลกของเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เทคโนโลยีใหม่ๆ จะเข้ามามีบทบาทต่อเศรษฐกิจ สังคม และการดำเนินชีวิตของพวกเราทุกคน ดังนั้นประเทศไทยจะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในทุกๆ ด้าน”
จากบัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์ ผ่านการบริหารธุรกิจเครื่องมือช่างแบรนด์ไทยมูลค่าพันล้าน ก่อนจะเดินทางสู่เวทีการเมืองในฐานะ ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ แล้วย้ายมาสังกัดพรรคก้าวไกลภายหลังที่อนาคตใหม่ถูกยุบ โดยดำรงตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าพรรค
“พรรคก้าวไกลเรามีความฝัน เราฝันที่จะเปลี่ยนโครงสร้างประเทศนี้ ทำให้ประเทศนี้ดีกว่าเดิมให้ได้ ในช่วงชีวิตของพวกเรา”
วาทะที่คมคายในทุกการอภิปราย ไม่ว่าจะหยุดงบกลาโหม ปฏิรูปกองทัพ อัดพลเอกประยุทธ์กรณีใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมของประชาชน ค้านงบซื้ออาวุธสงคราม เปิดปมกองทัพกีดกันกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ และล่าสุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ 45 ในวันที่ 21 กรกฎาคม 2565 ก็ได้เปิดโปงการใช้สปายแวร์ ‘เพกาซัส’ ในการสอดแนมประชาชนผู้เห็นต่าง ทำให้ผู้คนจดจำ ส.ส.จ้อน ว่าเป็นอีกหนึ่ง ‘ตัวจี๊ด’ ที่น่าจับตามองในสภาฯ แม้จะเริ่มดำรงตำแหน่งเป็น ส.ส. เพียงสมัยแรกก็ตาม
“ถึงรัฐบาลประยุทธ์จะอ้างว่าตัวเองเป็นประชาธิปไตย แต่หากมีพฤติกรรมสอดแนมประชาชนด้วยอาวุธสงครามไซเบอร์ที่ทรงอานุภาพแบบนี้ รัฐบาลนี้ก็คือเผด็จการเต็มรูปแบบ เป็นรัฐบาลที่ละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนอย่างร้ายกาจที่สุด…
“ในวันนี้ ชัดเจนว่าพลเอกประยุทธ์ไม่ได้ใช้อาวุธสงครามร้ายแรงอย่างสปายแวร์เพกาซัส กับอริราชศัตรู แต่กลับใช้กับประชาชน อ้างว่าใช้กับอาชญากร แต่แท้จริงตนเองนั่นแหละกำลังประพฤติตนเป็นอาชญากรไซเบอร์ หันอาวุธสงครามใส่ประชาชนเสียเอง”
ที่มา
ลำดับที่ 10 พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์