สำหรับคนทั่วไป ความตายอาจจะน่ากลัวและเย็นเยียบ แต่กับอีกายมทูตเหล่านี้ ความตายเป็นเพียงงานประจำที่แสนน่าเบื่อไม่ต่างจากงานออฟฟิศทั่วไป ที่แค่เข้าประตูและเก็บเกี่ยววิญญาณเพื่อแลกค่าตอบแทนในการรักษาสภาวะร่างกายให้เป็นอมตะ มีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร์ ไม่แก่ ไม่ตาย มันอาจจะฟังดูดี แต่คงไม่มีใครคิดว่านั่นจะกลายเป็นการทำงานที่ไม่มีวันหยุดและไม่มีวันจบ ฟังมาแค่นี้ความตายก็อาจจะดูน่ากลัวขึ้นนิดหน่อยแล้วล่ะมั้ง?
DEATH’S DOOR เกมแนวแอ็คชั่นผจญภัยที่ให้คุณรับบทเป็นอีกายมทูตที่ถูกขโมยดวงวิญญาณอันเป็นภารกิจของตัวเองไป หน้าที่ของคุณก็คือหาทางเอาวิญญาณดวงนั้นคืนมา เพราะถ้าหากทำไม่ได้ก็จะไม่สามารถเป็นอมตะอีกต่อไป เราจะแก่ลงเรื่อยๆ ไม่ต่างจากอีกาทั่วไป ฉะนั้นถ้าหากยังอยากเป็นอมตะอยู่ เราก็คงต้องกระตือรือร้นสักหน่อยแล้ว
เกมนี้เป็นเกมที่ต้องอาศัยฝีมือและทักษะการหลบหลีก เพราะตัวละครในช่วงเริ่มต้นจะมีโอกาสโดนการโจมตีของศัตรูได้เพียง 4 ครั้งเท่านั้น ดังนั้นการจดจำแพทเทิร์นการโจมตีของศัตรูก็ค่อนข้างสำคัญ เพราะจะทำให้เราเล่นได้ง่ายยิ่งขึ้น โดยเราสามารถโจมตีศัตรูกลับด้วยอาวุธทั่วไปและเวทมนตร์ ซึ่งตัวเกมก็จะมีระบบสะสมแต้มวิญญาณให้เราเอาไว้ใช้อัพเกรดสกิลต่างๆ เพื่อให้เราแข็งแกร่งขึ้น
นอกจากนี้แล้วในเกมยังมีปริศนาไว้ให้เราคอยแก้ เพื่อที่จะเปิดประตูหรือไปยังที่จุดใหม่ๆ ของแผนที่ ซึ่งบางครั้งก็เป็นจุดที่ค่อนข้างลับตาจนเราแทบไม่สังเกตเห็น ดังนั้นในการเล่นจึงต้องอาศัยการสังเกตและการจดจำ เพราะเกมนี้ไม่มีแผนที่ให้ (การหลงทางในเกมนี้จึงเป็นเรื่องที่ปกติมาก)
ยมทูตที่ถูกเก็บเกี่ยววิญญาณซะเอง
พอเราเล่นไปสักพักก็จะพบว่า มีอีกายมทูตที่สูญหายระหว่างทำงานไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าอีกาพวกนั้นยังมีชีวิตอยู่ไหมหลังจากประตูที่ใช้เพื่อไปทำภารกิจปิดลง พวกเขาแค่หายไปและไม่กลับมา เมื่อเราลองเข้าไปในประตูเดียวกับอีกายมทูตที่หายไป ก็พบว่าอีกาเหล่านั้นได้แปรสภาพเป็นกองกระดูกไปเสียแล้ว
ความเจ็บปวดของอีกายมทูตเหล่านี้คือความใฝ่ฝันในชีวิตอันเป็นอมตะ แต่เมื่อเข้าไปในประตูเพื่อเก็บเกี่ยววิญญาณ ทุกอย่างหลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเขา เพราะเมื่อประตูเปิดออก พวกเขาก็เป็นเพียงแค่อีกาที่มีอาชีพเป็นยมทูตเท่านั้น ไม่มีอะไรปกป้องพวกเขาได้นอกจากตัวเอง ประตูเหล่านี้จึงไม่ต่างอะไรกับประตูแห่งความตาย ถ้าหากพวกเขาเก็บเกี่ยวสำเร็จก็จะได้สะสมชีวิตอันเป็นนิรันดร์ แต่ถ้าหากไม่สำเร็จ พวกเขาก็จะตายไปไม่ต่างจากอีกาธรรมดา ซึ่งนี่ก็คงจะเป็นด้านมืดของอาชีพยมทูตที่ไม่มีใครอยากจะกล่าวถึงเท่าไหร่
อาชีพยมทูต ห้ามหยุด ห้ามลา ห้ามตาย
การเป็นยมทูตและมีชีวิตอันเป็นนิรันดร์อาจจะเป็นความฝันของบรรดายมทูตทั้งหลาย แต่กับอีกาเหล่านี้ การทำงานเป็นยมทูตนั้นไม่ต่างจากฝันร้ายที่ต้องเผชิญชั่วนิรันดร์ พวกเขาไม่มีวันหยุด ไม่มีวันลา มีเพียงงานที่ต้องทำไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จบเพื่อรักษาสภาวะชีวิตอันเป็นนิรันดร์ของตัวเองไว้ ซึ่งนั่นก็ค่อนข้างขัดกับหลักการของพวกเขา พวกเขาเชื่อว่าทุกคนควรจะมีชีวิตของตัวเอง ควรจะได้ใฝ่ฝันและใช้ชีวิต ไม่ใช่รับใช้เจ้าผู้ครองประตู (The Lord of Doors) แลกกับส่วนแบ่งเล็กๆ น้อยๆ อีกากลุ่มนี้จึงรวมกลุ่มกันและปฏิเสธที่จะรับภารกิจต่อไป ถึงแม้ว่านั่นจะทำให้พวกเขาไม่เป็นอมตะ แต่ก็ไม่เป็นไร การได้ใช้ชีวิตของตัวเอง เพื่อตัวเองนั้นสำคัญยิ่งกว่า พวกเขาจึงรวมกลุ่มและใช้ชีวิตร่วมกันเป็นกลุ่มเล็กๆ คอยต้อนรับอีกายมทูตคนอื่นที่เลือกที่จะละทิ้งภารกิจเพื่อมาใช้ชีวิตของตัวเองเช่นกัน
ความตายอันแสนเรียบง่าย
ในการผจญภัยของเราจะต้องพบเจอกับความตายอยู่เสมอ ในฐานะยมทูตที่เก็บเกี่ยววิญญาณ เราจะเจอตั้งแต่คนที่พยายามขัดขืนเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อให้นานขึ้นอีกสักนิด จนถึงคนที่อ้อนวอนขอให้ยมทูตพรากชีวิตของตัวเองไป
เกมนี้เล่าถึงความตายอย่างเรียบง่ายและทำให้เห็นว่าความตายไม่ได้น่าหวั่นเกรงอย่างที่คิด ถ้าไม่มีการสูญเสีย ชีวิตใหม่ก็ไม่มีทางเกิดขึ้น มันเป็นวัฏจักรชีวิตที่แสนเรียบ
ง่ายและเป็นกฎธรรมชาติ โดยตัวเกมมักจะบอกกับเราอยู่เสมอว่า อย่าหวาดกลัวต่อความตาย และให้ใช้ชีวิตของตัวเองไปอย่างคุ้มค่าที่สุด
‘Love! Laugh! Live!’
เจ้ากรันท์ (ตัวที่ฉลาด?) ที่ถูกเราช่วยไว้บอกกับเราแบบนั้น ฉะนั้นชีวิตหลังจากนี้ของเราที่บางครั้งอาจจะขมจนกลืนไม่ลงบ้าง แต่การเล่นเกมนี้ก็ทำให้เราระลึกได้ว่า บางครั้งชีวิตที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ของเรามันก็อาจจะไม่ได้แย่ไปซะหมด ถ้าเราเลือกที่จะหัวเราะและมีความสุขง่ายๆ อย่างเจ้ากรันท์ดูบ้างก็คงทำให้วันนั้นทั้งวันของเราไม่ใช่วันที่แย่เท่าไหร่