ตาชั่งความเที่ยงธรรมเล่าผ่านขณะกำลังนั่งจิบกาแฟที่หลวงพระบาง: ระหว่างสบตากับเด็กบางคนที่นั่งเหมือนนักรบบนหลังม้าก่อนข้ามผ่านแม่น้ำโขง

เด็กๆ เติบโตมาจากฝุ่น
ขณะที่พวกผู้ใหญ่กำลังวุ่นๆ
อยู่กับการหยิบจับสรรพาวุธออกจากปาก
ฝุ่นที่ปกคลุมเหนือบ้านของเรา
เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ
เด็กๆ ที่เกิดมาพร้อมผ้าขาว
ถูกคาดหวังให้เป็นแสงไฟที่ไม่ต้องเลือนจาง
จนหลงลืมไปว่า
หลังจากเด็กๆ กลับจากวิ่งไล่ล่าฝูงผีเสื้อ
คราบเหงื่อไคลที่ตกตะกอนในกะละมังซักผ้า
ดำคล้ำทุกวัน

ความหนาหนักของชั้นฝุ่น
บิดดวงไฟจนบิดเบี้ยวตลอดสองข้างทาง
ข้อบัญญัติ กติกา  
กระทั่งรอยจารึกก็ไม่ศักดิ์สิทธิ์สักอย่าง
เมื่อถูกขีดเขียน
เมื่อถูกร้อยเรียง
ฉลุอักษร
ลงบนผงฝุ่นที่ซ้อนทับที่พับเป็นหน้ากระดาษ

โดยความวุ่นวายซึ่งดูเป็นปกติ
พวกผู้ใหญ่ที่มองโลกสวยแบบไม่ตรองไตร่
มักไม่สงสัยเลยว่า
แว่นตาที่พวกเขาสวมใส่ได้มาตรฐานหรือไม่
กรอบแว่นที่หนาเทอะทะ
เปลี่ยนพุ่มหน้ารูปไข่
จนย้อนกาลไปไกลถึงยุคไดโนเสาร์

เด็กๆ ของเรา
ในชุดเสื้อผ้าสีเทาๆ
จึงวิ่งลับหายไปโดยไม่ต้องหวาดระแวง
นัยน์จินตนาการ
โลกสีเทาบดเบลอขึ้นทุกวัน
มืดบอดลงทุกที
มิพักต้องสงสัย
เมื่อข่าวทีวีตอกย้ำถึงความเป็นไป
เช่นคราวผู้ตรวจสอบที่ดินนักการเมือง
ที่ครอบครองผืนป่าจาก 1.7 พันไร่
กลายเป็นเรื่องผิดความเข้าใจ
รังวัดอีกที คลายความสงสัย
มีแค่ 600 ไร่ที่ถูกต้อง

เด็กๆ เติบโตมาจากฝุ่น
ขณะที่พวกผู้ใหญ่กำลังวุ่นๆ
เมื่อขออนุญาตไปวิ่งเล่นไม่ได้ผล
พวกเขาจึงวาดมือเบาๆ
เนรมิตผงฝุ่นกลายเป็นม่านพรางตา
หลังจากนั้น
ดัดแข้ง  ดัดขา
ดัดหลังตัวเองให้พลิ้วไหว
เหมือนคนที่ไม่มีกระดูกสันหลัง
แล้วเลื้อยเลี้ยวไปเริงเล่นหลังตึกร้างหลังบ้าน
ท่ามกลางภูมิทัศน์ที่เติบใหญ่
มีเด็กไม่น้อยเข้าใจว่า
พ่อแม่ของเขาไม่มีปาก
พ่อแม่ของเขาไม่มีจมูก
พ่อแม่ของเขาไม่มีหู
พ่อแม่ของเขาไม่มีตา
พ่อแม่ของเขาแบมือขอและท่องแต่คำบูชา
จนเด็กบางคนที่พูดมาก
กลายเป็นเด็กอกตัญญูน่าเวทนา
เมื่อเผลอพูดออกมาผ่านหน้ากากอนามัยว่า
พ่อแม่ของเขาอับจนปัญญา

เด็กๆ เหมือนผ้าขาว
หอมกรุ่นราวกับแดดฤดูร้อน
เย็นวันหนึ่งหลังเลิกเรียน
พวกเขาราวๆ 4-5 คน
ย้อมสีตัวเองไปกับบทตำรวจจับผู้ร้าย
ทุกคนทำมือข้างขวาเป็นรูปปืน
เงาหลังตึกร้างหลังบ้าน
เหมือนถูกถักทออยู่ในผืนผ้าแห่งสงคราม
กลิ่นปัสสาวะ
กลิ่นสาบสางยาสูบ
กลิ่นโลภะราคะ
และเสียงกรีดร้องของความเงียบเชียบ
แทรกผ่านอยู่รายรอบ
มีเสียงสำลักควันเป็นระยะๆ
เหมือนเด็กที่เพิ่งหัดสูบกัญชา
บนผืนผ้าใบกาลเวลา
ไม่ต่างกับคลังสินค้าของเหล่าเด็กๆ
ผู้ร้ายตายแล้วเกิดใหม่ได้ครั้งละหลายๆหน
แสงตะวันอ่อนล้าหลังลับเหลี่ยมตึก
ฝุ่นอวลหมุนเป็นวงกลม
เด็กๆ วิ่งเล่นกันสนุกสนาน
ดาวปรากฏชัดท่ามกลางความมืดมิด
บทตำรวจจับผู้ร้ายยาวนานมากแล้ว
การเจรจายืดเยื้อความตึงเครียดยิ่งเข้มข้น
ก้นบุหรี่เกลื่อนกลาด
ค่ำคืนที่เอือมระอา
ค่ำคืนที่ลมหายใจขาดพร่อง
มึงตายเสียเถอะ เด็กในชุดตำรวจสบถ
แล้วหยิบกระสุนในอากาศ
บรรจงวางตรงช่องบรรจุกระสุน

มึงตายเสียเถอะ ไอ้เศษสวะสังคม
เสียงข่มขู่สว่างวาบในความมืด
ไม่กี่นาทีต่อมา
นายตำรวจนามสมมติ
ลั่นไกปืนดังปัง ปัง ปัง
เด็กที่ถูกยิงพังพ่าย
หล่นร่วงเหมือนดาวดวงหนึ่งที่ตกจากฟ้า
เด็กๆ ทยอยกันกลับบ้าน
สลัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้า
รอยเท้าขากลับ
ไม่เท่ากับรอยเท้าตอนก้าวเข้ามา
คืนนี้มีเด็กๆ ในที่อื่นๆ กี่คน
กลายเป็นดาวอับโชค
ไม่ได้กลับไปอยู่ในบ้านฤดูร้อนอันอบอ้าว
พวกเขาคงรับรู้ได้ถึงความเยียบหนาว
อีกด้านของรอยร้าวกาลเวลา
ในเมืองที่บดเบลอบนตาชั่งความเที่ยงธรรม

ธวัชชัย  ทนทาน


สนับสนุนวรรณกรรมไทย โดย

สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย
สำนักพิมพ์แสงดาว
สำนักพิมพ์แสงดาว

Author

WAY of WORDS
โครงการเปิดรับต้นฉบับเรื่องสั้นและบทกวี ไม่จำกัดความยาวและเรื่องที่อยากเล่า ต้นฉบับทั้งเรื่องสั้นและบทกวี ถูกอ่านและพิจารณาโดยคณะบรรณาธิการสายแข็ง ก่อนเผยแพร่ทาง waymagazine.org

Illustrator

เสฎฐวุฒิ โกมารกุล ณ นคร
บีชบอยจากบางแสนผู้ใช้เวลาว่างไปกับการการเสพดราม่าของประเทศไทย บางครั้งถ้าสิ่งที่เสพเข้าไปเป็นพิษ ก็จะขับถ่ายมันออกมาเป็นงานศิลปะและการ์ตูนแนวเสียดสีสังคม ภายใต้ชื่อ Sukhumvit Dangerous :): ติดตาม Dangerous Comics ได้ที่ WAY

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า