ราคาของการกินเพื่ออยู่

“ตายประมาณสักไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ทำไมหมูถึงขาด นั่นแสดงว่ามันเกิดอะไรขึ้นในกระบวนการ มีคนไปทำอะไรรึเปล่า หลายๆ อย่างก็พยายามขึ้นราคาตามมาโดยไม่มีเหตุผลที่สมควร สมมุติอะไรขึ้นบาทเดียว ไอ้นี่ไปขึ้น 5 บาท เอาเหตุผลอะไรมาขึ้น ไม่เข้าใจ อย่าเห็นแก่ตัวกันเวลานี้นะ” ส่วนหนึ่งจากการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2565 ที่กระทรวงศึกษาธิการ

ผมจะไม่ชวนเถียงเรื่องที่ว่าหมูตายไปกี่ตัว มีโรคระบาดแล้วรัฐจัดการได้ตามที่สมควรหรือไม่ มีนายทุนได้รับผลประโยชน์ไหม หรือของแพงขึ้นแค่ไหน วัตถุดิบขยับราคาขึ้นกี่รายการ หากจะขอเป็นอีกช่องทางเล็กๆ ที่ช่วยสื่อสารเสียงของพ่อค้าแม่ค้าขายอาหาร เสียงซึ่งสะท้อนมาจากใบหน้า และผ้ากันเปื้อน

90 เปอร์เซ็นต์ ของร้านขายอาหาร ทั้งจากในตลาด ย่านจับจ่าย และร้านริมทางเดิน ทุกรายการล้วนปรับราคาขึ้นอย่างน้อย 3-10 บาท จากที่ผมได้คุยกับพ่อค้าแม่ค้า การปรับราคาขึ้นดูจะเป็นทางเลือกสุดท้ายของการเอาตัวรอด มากกว่าที่จะเป็นวิธีกอบโกยกำไร เกือบทุกร้านบอกถึงความลำบากใจที่ต้องปรับราคาขึ้น ด้วยในทางตรงกันข้าม ราคาที่แพงขึ้นต้องแลกกับความเสี่ยงที่ลูกค้าจะลดลง

“ขึ้นทุกอย่าง หลายอย่างขึ้นมาก่อนหมูแล้ว น้ำมัน ก๊าซก็จะขึ้น อย่างนี่-ถุง กล่อง ก็ขึ้น แม้แต่เกลือยังขึ้นเลยคุณ” แม่ค้าคนหนึ่งบอกกับผม หญิงกลางคนที่เหมือนกับพ่อค้าแม่ค้าอีกหลายร้าน ผมแทบไม่ต้องถามอะไรให้มากความ คล้ายอัดอั้นแน่นอยู่ในใจของพวกเขา การมีใครสักคนเดินมาถามความเป็นไป สิ่งที่ได้ก็คือถ้อยคำที่พรั่งพรูออกมา

เดินเรื่อยจนมาถึงตลาดสะพานใหม่ เย็นย่ำแล้วแสงจวนลา ในโซนขายอาหารที่เคยเปิดดึกดื่นนั้นร้างผู้คน ลุงป้าสองคนช่วยกันจัดแจงชุดสังฆทานอยู่หน้าร้านชื่อ ‘ประยุทธ ก๋วยจั๊บ’ ร้านดังที่เคยมีลูกค้าต่อคิวยาวไม่ขาด “ตอนนี้ต่อให้ขายดีก็ไม่ไหว” คุณป้าย้ำถึงราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นจนแทบจะคุมต้นทุนไม่ได้ “เราปรับราคาขึ้นไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว แค่นี้ก็สงสารคนกินแล้ว เขาไม่มีเงินกัน เราก็รู้ หั่นหมูชิ้นเล็กๆ มันก็ไม่น่ากิน” 

“ลูกค้าหลายคนบอกไม่ชอบชื่อร้าน แต่ร้านเราไม่มีตัวการันต์” คุณลุงหยอก เรายิ้มและขำน้อยๆ ให้กัน “แล้วถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไปจะทำยังไงครับ” ผมถามก่อนจาก “ไม่รู้เลย อาจจะต้องเลิกขาย เดี๋ยวปิดร้านไปทำบุญก่อน กลับมาค่อยดูกันอีกที”

การเลิกขาย หรือปิดร้าน ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย เท่าที่สำรวจจากประตูห้องแถวที่ปิดหับ พื้นที่เว้นว่างกลางตลาดและริมทางเดิน มีร้านจำนวนไม่น้อยที่เลือกจะหยุดกิจการชั่วคราว มีบ้างเหมือนกันกับร้านที่ยังไม่ปรับราคา แต่จากการถามไถ่ก็คงอีกไม่นาน ถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น หรือยังไม่มีมาตรการของรัฐที่จะเข้ามาเยียวยาอย่างเป็นระบบ

ตลอดสี่ห้าวันที่ได้คุยกับพ่อค้าแม่ค้า ผมจะมีคำถามสุดท้ายเป็นคำถามเดิมเสมอ คำถามทำนองว่ายังหวังว่าผู้มีส่วนรับผิดชอบจะแก้ไขอะไรได้ทันท่วงทีไหม หรือมีอะไรอยากบอกนายกรัฐมนตรีหรือเปล่า คุณคงเดาคำตอบของพวกเขาได้ไม่ยาก

จรณ์ ยวนเจริญ
มนุษย์ขี้กลัว ผู้ที่กำลังเริ่มต้นเรียนรู้ชีวิตอีกครั้ง ทาสหมาแมวจรจัด สนใจศิลปะ วรรณกรรม และผู้คน แม้จะเข้าหาผู้คนไม่เก่งนัก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า