ก่อนจะพ้นโควิด-3 อย่างเป็นทางการ (หวังว่าจะพ้น) ว่ากันว่าคนไทยลืมง่าย วันนี้จะชวนรำลึกอดีตครั้งที่โควิด-2 ก่อตัวเมื่อปลายปี พ.ศ. 2563
อีกทั้งน่าจะเป็นการพูดซ้ำซากเมื่อพาดพิงการศึกษาศตวรรษที่ 21 แต่ก็จะพูดอีกจนกว่าคุณพ่อคุณแม่หรือคุณครูสมัยใหม่จะเข้าใจ
โควิด ฝุ่น PM2.5 เศรษฐกิจล่ม และความรุนแรงทางการเมือง เป็น 4 เรื่องที่อยู่ล้อมรอบตัวเราทุกวันนี้ มีหลักฐานให้เห็นทนโท่ไม่ว่าจะยอมรับหรือไม่ก็ตาม อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นพวกไหนก็ตาม เราให้การศึกษาเด็กไทยวันนี้มิใช่เพื่อให้เขาเป็นเด็กดี มีศีลธรรม ถือความสัตย์ แต่เพื่อให้เขามีทักษะศตวรรษที่ 21 เพื่อเตรียมรับมือภัยคุกคามทั้งสี่ด้าน
กล่าวเฉพาะภูเก็ตและเชียงใหม่ น่าจะเห็นอยู่ว่าเศรษฐกิจวันนี้เป็นอย่างไร
ผมจำได้ว่าตัวเองเคยพูดในที่ประชุมคุณพ่อคุณแม่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งในภูเก็ตว่า เกาะภูเก็ตมีพื้นที่เท่ากับเกาะสิงคโปร์ เพราะอะไรการพัฒนาจึงต่างกันมากมาย ถ้าต้องการตัวเลขจริงๆ ภูเก็ตมีพื้นที่ 543 ตารางกิโลเมตร สิงคโปร์มีพื้นที่ 728 ตารางกิโลเมตร
จะว่าไปเรารู้อยู่แก่ใจว่าทำไมสองเกาะนี้ต่างกันมากมาย ทั้งที่เกาะหนึ่งต้นทุนธรรมชาติสูงกว่ามาก
ผมเดินทางไปพักผ่อนที่กระบี่เมื่อต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 เพียง 2 วันหลังจากข่าวสตรีไทยข้ามพรมแดนธรรมชาติบริเวณท่าขี้เหล็ก-แม่สายเล็ดลอดกลับบ้าน หลังจากที่ไปทำงานที่โรงแรมแห่งหนึ่งในท่าขี้เหล็ก ประเทศพม่า
เธอติดโควิดและแพร่เชื้อให้เพื่อนชายชาวเชียงรายคนหนึ่งในวันต่อมา มีชายไทยคนนี้เพียงคนเดียวที่นับเป็นสถิติของการพบเชื้อ ‘บน’ พื้นที่จังหวัดเชียงรายจริงๆ คนอื่นๆ นับจากนี้เป็นร้อยรายเป็นการติดเชื้อในพื้นที่กักกันตรงพรมแดน แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ดังที่เรียกว่าการติดเชื้อใน State Quarantine ซึ่งจะเป็นยอดเดียวกันกับที่ชาวต่างประเทศจากยุโรปถูกตรวจพบหลังจากกักตัวในโรงแรมในกรุงเทพฯ หรือพัทยา ถ้าไม่จ่ายเอง หรือกักกันตัวในโรงแรมห้าดาวกลางถนนสุขุมวิทถ้าจ่ายเอง ก็ประมาณ 75,000 บาท ราคาเวลานั้น ผมจ่ายมาแล้ว
มีหญิงไทยไม่เกิน 5 ราย ที่หลุดรอดพรมแดนธรรมชาติและจังหวัดเชียงรายแล้วเดินทางต่อไปยังกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต และจังหวัดอื่นๆ ที่ภาคกลาง ตัวเลขทั้งหมดมีเท่านี้เอง แต่ความตื่นตระหนกกระจายไปทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว
มีการยกเลิกโรงแรมและที่พักในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายเกือบทั้งหมดในช่วงวันหยุดยาวต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ต่อไปถึงวันหยุดยาวปีใหม่ พ.ศ. 2564 ร้านขายของในสองจังหวัดภาคเหนือตอนบนเงียบเหงา วังเวง มากกว่านี้คือมีคำสั่งในหลายจังหวัดรวมทั้งหลายสำนักงานทั้งในกรุงเทพฯ และทั่วประเทศว่าใครที่เดินทางมาที่จังหวัดเชียงรายเมื่อกลับไปจะถูกกักตัว 14 วัน และบางสำนักงานจะให้ออกจากงาน
ประโยคสุดท้ายนี้เป็นคุณพ่อคุณแม่ที่ยกเลิกการเดินทางมาฟังผมบรรยายเรื่องพัฒนาการเด็กที่จังหวัดเชียงรายบอกแก่ผมเอง
หนังสือพิมพ์และเพจต่างๆ ประโคมยอดผู้ติดเชื้อจังหวัดเชียงรายทุกวัน และ ศบค. ก็เป็นไปกับเขาด้วย ทั้งที่ตัวเลขการติดเชื้อบนพื้นที่จังหวัดเชียงรายมีเพียง 2 คน โดยที่การติดเชื้อจากต่างประเทศมีคนเดียว คือสตรีไทยจากพม่า และการติดเชื้อในประเทศที่มีผู้ชายเพียงคนเดียวเช่นกัน ตัวเลขอีกหลายสิบคนที่เหลือไปจนถึงหลักร้อยในวันหลังเป็นการพบในสถานกักกันตัวของรัฐ หรือตรวจพบทันทีที่ด่านพรมแดนด้วยการตรวจของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ไม่มีใครหลุดรอดเลยแม้แต่คนเดียว แล้วสถานการณ์จังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ก็จบลงในเวลาก่อนถึงวันสิ้นปี พ.ศ. 2563 ก่อนที่วิกฤตการณ์สมุทรสาครจะเริ่มต้นไม่นานเกินรอ
เราปฏิเสธไม่ได้ว่าความรังเกียจนั้นมีความเกี่ยวพันกับที่สตรีไทยเหล่านี้ไปทำงานในสถานบริการบันเทิงในพม่าหลากหลายหน้าที่ มีทั้งเป็นพนักงานเสิร์ฟและขายบริการ สำหรับวิกฤตการณ์สมุทรสาครนั้นมีความเกี่ยวพันกับแรงงานข้ามชาติเชื้อสายพม่าด้วย
ผมและครอบครัว ไปพักผ่อนที่จังหวัดกระบี่ 4 วัน เมื่อต้นเดือนธันวาคม พ.ศ. 2563 ยังมีผู้คนพอสมควร วิกฤติโควิด-1 สงบไปนานแล้ว วิกฤตการณ์เชียงรายกำลังคุกรุ่น เวลานั้นวิกฤติโควิด-2 ยังไม่เริ่มต้นเต็มรูปแบบ
โรงแรมที่กระบี่แห่งนี้ให้ลูกค้าสแกนอุณหภูมิ ใส่หน้ากากอนามัยและแจกถุงมือก่อนเข้าห้องอาหารเช้าทุกวัน ทุกโต๊ะรักษาระยะห่าง ทุกพื้นที่รวมทั้งที่ชายหาดส่วนตัวอันเงียบสงบนั้นไม่มีใครเดินเฉียดใคร เป็นอาทิตย์ตกที่สวยงามมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของผมเอง ณ ชายหาดแห่งนี้ กระบี่สวยจริง สวยจนลืมโลกด้วย โลกเงียบเสียจนไม่น่าเชื่อว่าจะเงียบเท่านี้ได้
มีวันหนึ่ง ผมและครอบครัวยืนรอเรือเพื่อจะไปเที่ยวเกาะ นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งแซงหน้าครอบครัวของเราขึ้นเรือหน้าทั้งที่มีคิวรออยู่อีกพอสมควร ชั่วขณะหนึ่งเกิดความคิดชั่วร้ายว่าถ้าตัวเองพูดออกไปว่าผมมาจากจังหวัดเชียงรายครับ น่าจะเกิดอะไรขึ้น
อาศัยว่า EF พอจะมี ควบคุมตัวเองพอใช้ได้จึงปล่อยไป เพราะจะว่าไปเราก็แซงคิวกันทั่วประเทศอยู่แล้ว แม้กระทั่งเรื่องวัคซีนที่แซงคิวกันอุตลุดในช่วงโควิด-3 ก็เห็นกันอยู่ทนโท่
สำหรับเรื่องฝุ่นควัน PM2.5 ผมขอใช้สิทธิผู้เชี่ยวชาญการสูดดมในพื้นที่เพราะได้ทำมาแล้ว 14 ปีนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2550 ถึงวันนี้ รัฐทำเป็นเพียงออกประกาศ “ขอให้หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง” แค่นั้น วันนี้ตุลาคม พ.ศ. 2564 ฝุ่นเริ่มก่อตัวบ้างแล้วรอบตัวเมืองเชียงราย เรากำลังเข้าสู่ฤดูฝุ่นควันปีที่ 15
โควิด เป็นความรู้พื้นฐานเรื่องสุขภาพ
PM2.5 เป็นความรู้พื้นฐานเรื่องสิ่งแวดล้อม
ความยากจน เป็นความรู้พื้นฐานเรื่องเศรษฐกิจ
ความรังเกียจชาติพันธุ์และการเข้าคิว เป็นความรู้พื้นฐานเรื่องประชาสังคมและความเป็นพลเมือง
คือ health, environment, economics, civil society
รวมเรียกว่าความรู้พื้นฐานสำหรับศตวรรษที่ 21 เรื่องเหล่านี้ไม่สามารถพัฒนาได้ด้วยการให้ลูกเรียนหนังสือ แต่ทำได้ด้วยการสร้างโรงเรียนเพื่อพัฒนาทักษะศตวรรษที่ 21 ให้แก่เด็กไทย ภายใต้ข้อเท็จจริงที่ว่าเรียนหนังสือไปก็ตายเปล่า เป็นเด็กดี มีศีลธรรมยิ่งน่ากลัว ครั้นถือความสัตย์ยิ่งไปกันใหญ่
ทักษะศตวรรษที่ 21 เริ่มต้นด้วยการส่งเสริมการคิดเชิงวิพากษ์ (criticized thinking) แต่พอนักเรียนนักศึกษาคิดวิพากษ์ได้ก็ถูกจับกุมอีก
เราไม่มีทางไป