ข่าวจลาจลเพราะสีผิวในสหรัฐอเมริกา และเหตุการณ์ในบ้านเรามีส่วนคล้ายกัน เกี่ยวโยงถึงการศึกษาเพื่อ EF และทักษะศตวรรษที่ 21
เวลาคนผิวขาวออกมาพูดอะไรเวลานี้ สังเกตว่ามีการตอกกลับมาก คำไทยวันนี้เราเสนอคำว่า ทัวร์ลง หรือ ดราม่า ทำนองว่าคุณเป็นใครถึงมีสิทธิพูด ความเป็นจริงคือคุณผิวขาว คุณเกิดมาพร้อมอภิสิทธิ์ของสีผิวที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ดังนั้นคุณไม่มีสิทธิจะพูดอะไรแบบนั้น
ตามด้วยคุณไม่มีวันเข้าใจหรอก
ชวนให้นึกถึงคุณหมอหลายคนที่พูดทีไรทัวร์ลงทุกทีในบ้านเราตอนนี้
แพทย์มีอภิสิทธิ์บางประการติดตัว มิใช่เพราะชาติกำเนิดหรือสีผิว แต่ละคนก็รู้ว่าเป็นลูกคนต่างด้าวทั้งนั้นคือคนจีนโพ้นทะเล แต่ลำพังอภิสิทธิ์ของความเป็นแพทย์และเป็นข้าราชการก็มากพอแล้วที่จะถูกสวนกลับว่าอย่าพูดเลย เช่น คำแนะนำให้กินอยู่พอเพียง หรือ คำสัมภาษณ์ประเภทเพราะประชาชนไม่รู้จักรักษาตัวเองเป็นสาเหตุให้เกิดโรคระบาด เป็นต้น
อย่าว่าแต่คนรวยทำนาเล่นๆ เลย คนชั้นกลางที่เลี้ยงไก่เล่นๆ หรือปลูกผักเล่นๆ ก็ไม่มีสิทธิพูดเรื่องความพอเพียง
อย่าว่าแต่คนรวยที่มีงานทำจากห้องแอร์ในบ้านพูดเลย คนชั้นกลางที่มีสายป่านด้านการเงินยาวกว่าค่าจ้างรายวัน ก็แทบจะไม่มีสิทธิพูดเรื่องตู้ปันสุขแล้ว
ณ ปัจจุบัน คนผิวสีในสหรัฐอเมริกาได้รับการปฏิบัติที่ไม่เห็นคุณค่าของความเป็นมนุษย์สูงเกินกว่าที่จะให้ใครมาเรียกร้องอะไร ที่ตรงประเด็นที่สุดมีเพียงข้อเดียวคือ “แก้ปัญหาเสียที”
แก้ปัญหาเสียที
บ้านเมืองของเราเช่นเดียวกัน จำนวนคนยากจนที่ไม่สามารถเงยหน้าอ้าปากได้เลยไม่ว่าจะขยันทำงานหามรุ่งหามค่ำเพียงใดมีจำนวนมากเกินไป จำนวนคนที่ขาดเงินสดรายวันจนกระทั่งไม่มีอาหารกินมีจำนวนมากเกินไป มากเกินกว่าจะใช้โวหารใดๆ มากลบเกลื่อน ที่ควรทำคือ “แก้ปัญหาเสียที”
หากจะมีหนังสักเรื่องที่จริงจังและไม่ฟูมฟายแถมดูสนุกเวลานี้แนะนำเรื่อง The Banker
สร้างจากเรื่องจริง เล่าเรื่องคนดำสองคนที่ผันตัวจากพ่อค้าอสังหาริมทรัพย์เป็นนายธนาคารผิวดำเพื่อออกเงินกู้ให้แก่คนผิวดำในยุค 60
เวลานั้นคนดำไม่สามารถกู้เงินจากธนาคารซึ่งทั้งหมดเป็นของคนขาว เมื่อกู้ไม่ได้ก็ไม่สามารถลงทุนเปิดร้านหรือขยายกิจการร้านได้ ความยากจนและเสื่อมทรามจึงถูกส่งต่ออย่างต่อเนื่องรุ่นแล้วรุ่นเล่า วันหนึ่งตัวเอกของเราสองคนซึ่งรวยจากการค้าห้องแถว อพาร์ตเมนต์ หรือตึกสำนักงานให้เช่าอยู่ก่อนแล้วคิดถึงความยากลำบากของคนดำด้วยกันจึงตัดสินใจซื้อธนาคารมาบริหารเอง แล้วปล่อยกู้ให้แก่คนดำจำนวนมากจนกระทั่งเป็นที่เพ่งเล็ง
ถึงเวลาต้องป้อนข้อหาเอาเข้าคุก
บทสนทนาระหว่างคนดำทั้งสอง ซึ่งคนหนึ่งรวยอยู่ก่อน อีกคนหนึ่งเพิ่งจะรวย สะท้อนถึงเรื่องกำพืดของคนเราได้ดี เราเป็นใคร มาจากไหน ลืมแล้วหรือยัง เขาสองคนด่ากันเองในตอนกลางเรื่องด้วย คนดำทั้งสองไม่สามารถสตาร์ทอัพได้ตามลำพังเพราะกฎหมายเวลานั้น พวกเขาจึงต้องพึ่งชื่อและใบหน้าของคนขาวคนหนึ่ง นำไปสู่บทสนทนาที่ตกอยู่ในกรอบเดียวกันอีกคือคุณเป็นใคร ลำพังแค่เกิดมาเป็นคนจนผิวขาวคุณก็มีอภิสิทธิ์ที่คนรวยผิวดำไม่มีอยู่ก่อนแล้ว
หนังใหม่เอี่ยม หาดูได้ไม่ยาก สนุกมากครับ
เมื่อชนชั้นกลางบ้านเราสักคนออกมาเล่าเรื่องความสำเร็จด้านการศึกษาหรือการเรียนรู้ของลูกด้วยการยึดถือปรัชญาการศึกษาสมัยใหม่ คือให้เขาเลือกและไปตามทางที่เขาเลือก ด้วย EF ที่ดีที่สุดและเพื่อพัฒนาทักษะศตวรรษที่ 21 จึงเกิดอาการทัวร์ลงได้ง่ายมาก ทั้งที่ ณ เวลานั้นเชื่อได้ว่าผู้เป็นพ่อแม่กำลังรับความเสี่ยง ผจญความผันผวน และลุ้นระทึกว่าลูกอันเป็นแก้วตาดวงใจจะไปรอดหรือไม่ โดยไม่มีหลักประกันอะไรเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงทุนให้ลูกสามารถละลายไปในอากาศแล้วกลับมาเริ่มต้นที่ศูนย์ได้ทุกเวลา
การมีทรัพยากรค่อนข้างพร้อมหรือพร้อมมิใช่หลักประกันว่าเด็กจะมี EF ที่ดีพอจะไปได้ตามทางของตนจนสุดทาง หลักประกันที่ดีกว่าคือวิธีเลี้ยงลูกในสามขวบปีแรก
แต่นั่นมากพอที่จะสร้างข้อได้เปรียบบ้านอีกหลายหลังที่ไม่มีทรัพยากรมากเท่ากัน เรื่องทำนองนี้เกิดแก่บ้านที่ทำโฮมสคูล หรือให้ลูกเข้าโรงเรียนทางเลือก หรือให้ลูกเข้าโรงเรียนนานาชาติ ว่าท่านอวดลูกได้ยาก แม้ว่าในความเป็นจริงท่านจะมีความยากลำบากในส่วนของตนก็ตาม
การส่งลูกไปสู่อนาคตที่เขาเลือกเอง ผิดหรือถูก จะว่าไปเทียบไม่ได้กับเรื่องการทำงานจากบ้านที่มีตู้เย็นเก็บอาหาร มีแอร์คอนดิชั่น มีเงินในบัญชีสำรองไว้แล้ว ประการหลังนี้ปลอดภัยกว่ามาก
เหมือนคำกล่าวที่ว่าเพจคุณหมอมีแต่ชนชั้นกลางระดับสูงที่ทำตามได้ อ่านนิทาน เล่นมากๆ ไม่ต้องเรียน คนชั้นกลางระดับล่างจะทำได้อย่างไร อย่าว่าแต่ชนชั้นล่างจะไม่มีเวลามาอ่านเพจคุณหมอเลย
เรื่องเหล่านี้จึงวนมาที่คำคำเดียว “แก้ปัญหาเสียที”
วันนี้ทุกครัวเรือนช่วยเหลือตนเองด้วยกำลังเงินที่มี เช่นนี้แล้วเราจะมีรัฐไปทำไม
ทุกบ้าน ไม่ว่ารวยหรือจน มีเรื่องเหมือนกันคือพ่อแม่รักลูก และรู้พอสมควรว่าการศึกษาของรัฐเวลานี้ใช้การไม่ได้ ดังนั้นทุกคนมีสิทธิเอาตัวรอดตามทางของตัว ด้วยฐานทรัพยากรที่ไม่เท่ากัน เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะทำให้ฐานเท่ากันหรือสร้างระบบการศึกษาใหม่ที่ทุกคนเข้าถึงได้เหมือนกัน
นี่เป็นข้อเรียกร้องที่ธรรมดามากในสังคมประชาธิปไตย