อ่านข่าวเรื่องกะเหรี่ยงที่บางกลอย ชวนให้นึกถึงหนังเรื่อง Star Trek: Insurrection หนังปี 1998 ที่เล่าเรื่องการย้ายชนกลุ่มน้อยออกจาก ‘บ้านของเขา’ เช่นเดียวกัน
ถ้าเรื่องบางกลอยเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 25 ตามบริบทของหนัง การเคลื่อนย้ายพวกเขาทำได้ไม่ยากเลย เพราะทำได้ด้วยการสร้างโลกจำลอง – โฮโลแกรมเป็น ‘ใจแผ่นดิน’ แล้วส่งพวกเขาออกไปอยู่ได้โดยไม่รู้ตัว
หนังเรื่องนี้เป็นตอนที่ 3 ของหนังใหญ่ชุด Star Trek: the Next Generation เรื่องย่อมีอยู่ว่ามนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์หนึ่งซึ่งมีชื่อว่า โซนา รวมหัวกับนายทหารระดับสูงของสหพันธ์อวกาศ คือ นายพลโดเฮอร์ตี้ สมคบคิดทำโลกจำลองของดาวบากู เพื่อย้ายชาวดาวบากูซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 600 กว่าคนออกจากบ้านจริงๆ ของพวกเขาเข้าไปอยู่ในโลกจำลอง
ที่พวกโซนาอยากได้คือรังสีอนุภาคเมตาฟิสิกส์ที่ส่งออกมาจากวงแหวนรอบดาวบากู
รังสีนี้ช่วยให้ไม่รู้จักแก่ เป็นอมตะ (แต่พวกโซนาและนายทหารก็มีผลประโยชน์แอบแฝงอื่นอีกด้วย) ยานเอนเตอร์ไพรซ์โดย กัปตันฌอง ลุค พิคคาร์ด เข้ามาตรวจสอบ เหตุเพราะ เดต้า หุ่นแอนดรอยด์ที่มาทำงานในพื้นที่ดาวบากูไปพบโลกจำลองของดาวบากูเข้าโดยบังเอิญ
แม้ว่าเขาเป็นเพียงหุ่นแอนดรอยด์ แต่เขาสัมผัสได้จากชิปอารมณ์ – emotional chip ที่กำลังพัฒนาในตัวเองว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง ผิดจริยธรรม – ethics และเพราะเขามีสิ่งที่เรียกว่า เอ็มพาธี – empathy
จะเห็นว่าแม้ในโลกศตวรรษที่ 25 ที่ซึ่งมียานอวกาศระดับกาแล็กซีคลาสเดินทางได้เร็วเหนือแสง 9 เท่าเช่นเอ็นเตอร์ไพรซ์ มีเทคโนโลยีขนส่งมวลสารที่สามารถย้ายคน 600 กว่าคนในนาทีเดียว มีเทคโนโลยีสร้างโฮโลแกรมเป็นโลกจำลองได้ทั้งใบ แต่สิ่งมีชีวิตทั้งมวล ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์โลก ชาวบากู หรือหุ่นยนต์ ไม่สามารถขาดสิ่งที่เรียกว่า ‘จิตใจ’ ซึ่งเป็นที่อยู่ของอารมณ์ จริยธรรม และเอ็มพาธี
เรื่องบนดาวบากูไม่ต่างกับเรื่องที่บางกลอย
ชาวบากูเป็นชนกลุ่มน้อย มีเพียง 600 กว่าคน อาศัยอยู่ที่ดาวนี้มาหลายร้อยปี คนแรกๆ ของพวกเขาอพยพมาเช่นกัน แต่คนรุ่นหลังเกิดบนดาวดวงนี้ พวกเขามีทรัพยากรที่สำคัญคือวงแหวนที่แผ่รังสีอนุภาคเมตาฟิสิกส์ พวกเขาปฏิเสธเทคโนโลยีสมัยใหม่แม้ว่าจะมีอยู่แล้ว เลือกใช้ชีวิตเกษตรกรรมหรือการผลิตขนาดเล็ก
ปัญหาคือพวกเขาไม่ยอมย้าย
ชาวโซนาเป็นผู้รุกรานที่คืบคลานเข้ามา อยากได้ทรัพยากรธรรมชาติที่นี่ เพื่อชีวิตที่ไม่แก่เฒ่า เพื่อความเป็นอมตะ เมื่อทำเองไม่ได้จึงติดสินบนนายพล แล้วพาเจ้าหน้าที่สหพันธ์อวกาศทีมหนึ่งเข้าไปแอบสร้างโลกจำลองเพื่อเตรียมขนย้ายประชากรทั้งดวงดาวออกไป เมื่อเดต้าประท้วงจึงถูกกำจัด เป็นเหตุให้เดต้ากระทำการต่อต้านการรุกรานนี้ด้วยความรุนแรง แล้วถูกจับกุมในที่สุด
นวนิยายต่างจากชีวิตจริงคือมีพวกพระเอก เราไม่มี
ลาฟอร์จ ลูกเรือผิวสีตาบอดซึ่งเป็นตัวละครสำคัญคนหนึ่งของยานเอ็นเตอร์ไพรซ์ ได้รับผลกระทบจากอนุภาคเมตาฟิสิกส์เมื่อเขาเข้ามาในบริเวณ ที่ผ่านมาเขาใช้ตาเทียม เรียกว่าไวเซอร์ มาโดยตลอด แต่หลังจากใช้ชีวิตบนดาวบากูไม่นานเขามองเห็นได้อีกครั้งหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นดวงอาทิตย์ของดาวบากูตกด้วย ‘ดวงตา’ ของเขาจริงๆ
เขาควรเข้าด้วยกับพวกโซนาและโดเฮอร์ตี้ ยึดอนุภาคทั้งหมดนั้นมาเป็นของตัว แต่เขาทำไม่ได้ เมื่อกัปตันฌอง ลุค พิคคาร์ด และเดต้า ตั้งใจเปิดโปงแผนการร้ายของนายทหารระดับสูง เขาบอกให้ลูกเรือคนอื่นที่ไม่สะดวกใจถอนตัวออกไป ลาฟอร์จพูดว่า
“ถ้าผมจะมองเห็นอีกครั้งหนึ่ง แต่แลกด้วยชีวิตของคน 600 คน ผมไม่เอา” นี่คือจริยธรรมและเอ็มพาธี
จริยธรรมและเอ็มพาธีสร้างขึ้นได้อย่างไร
สร้างด้วยพัฒนาการ
ของสองอย่างนี้มิได้เกิดขึ้นเองแต่มีความเป็นมาและเป็นไป เริ่มต้นที่ฟรอยด์บอกว่าทารกเกิดมาก็แสวงหาความสุขก่อนเลย และมีชีวิตอยู่เพื่อหาความสุขเป็นที่ตั้ง ทารกจึงดูดก่อนเป็นอย่างแรกเพราะเป็นความสุขทางปาก ก่อนที่จะอึเพราะเป็นความสุขาทางทวาร แล้วตามด้วยปล้ำกันเพราะเป็นความสุขสมทางเพศ
แต่มนุษย์มิใช่สัตว์ เราพัฒนาให้ดีกว่าเมื่อวานนี้ได้ เมื่อทารกมีฟันเขากัดหัวนมแม่ บัดนี้แม่ใจดีกลายร่างเป็นแม่ใจร้าย ความสุขที่เคยไขว่คว้ามาโดยง่ายไม่ง่ายอีกต่อไปแล้ว โลกนี้มีคนขัดใจ ชีวิตจึงต้องพัฒนาเพื่อผสานความอยากได้และความไม่ได้ดั่งใจให้สมดุล สมดุลนั้นเรียกว่าจริยธรรมและเอ็มพาธี เป็นกติกาของจิตใจตนเอง
มิใช่กติกาบ้านเมือง
ความพยายามใช้กฎหมายและกติกาบ้านเมืองจึงไร้ผล
จริยธรรมมีความหมายกว้างไกลแล้วแต่บริบทและสาขาวิชาจะพาไป ความหมายหนึ่งคือประโยชน์ของคนส่วนใหญ่มาก่อนคนส่วนน้อย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ชั่งน้ำหนักกันได้ว่าการรักษาวงแหวนอนุภาคเมตาฟิสิกส์นี้ด้วยคนในท้องถิ่นให้ใช้ได้ตลอดไปและบริหารให้ดี กับการยกให้ชาวโซนาและนายทหารไม่กี่คน ประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่หรือคนส่วนน้อยอะไรมีมากกว่ากัน
นี่เป็นคำถามเดียวกัน ยกป่าไม้ให้ใครดูแลดี ใครจะรักษาป่าเก่งกว่ากันภายใต้ตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่าป่าไม้ลดลงเรื่อยๆ ตลอดระยะเวลา 100 ปีที่ผ่านมา
นับตั้งแต่บ้านเรามีสิ่งที่เรียกว่า ‘ราชการ’
เอ็มพาธีก็มีความหมายกว้างขวางแล้วแต่บริบทและสาขาวิชา เอ็มพาธีหมายถึงความสามารถที่จะเข้าใจผู้อื่นโดยไม่ตัดสินผิดถูก ขอเพียงเข้าใจก่อน แต่ไม่ล้ำเส้นไปที่เห็นใจ และขอเพียงเข้าใจก่อน แต่ไม่ถือดีตัดสินผิดถูก การตัดสินใจกลับไปเป็นหน้าที่ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
เช่นนี้แล้วเดต้าได้กระทำการล้ำเส้นด้วยการใช้ความรุนแรงกับพวกโซนาและเจ้าหน้าที่จากสหพันธ์อวกาศ ในขณะที่กัปตันฌอง ลุค พิคคาร์ด ไม่คิดว่าตนเองทำการล้ำเส้นเพราะเขาเชื่อว่าการกระทำของพวกโซนาและนายพลโดเฮอร์ตี้เป็นการฉ้อฉล
จะว่าไปแค่ชื่อหมู่บ้านก็กินใจมากแล้วนะครับ ‘ใจแผ่นดิน’