รายงานของคณะกรรมการ Royal Commission into Institutional Responses to Child Sexual Abuse ชิ้นล่าสุดระบุว่า ระหว่างปี 1950-2010 นักบวชในสังกัดคริสตจักรออสเตรเลีย (Australian Catholic Church) จำนวน 7 เปอร์เซ็นต์ มีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศและกระทำอนาจารเด็ก การสืบสวนของคณะกรรมการชิ้นนี้ยังเปิดเผยอีกว่า ระหว่างปี 1980-2015 ทั่วประเทศออสเตรเลียมีเหยื่อ 4,444 รายถูกล่วงละเมิดโดยบุคคลในแวดวงศาสนามากกว่า 1,000 คน
ผู้กระทำผิดในกลุ่มนักบวชทางศาสนามีประมาณ 1,880 คน ประกอบด้วยภารดา 32 เปอร์เซ็นต์ บาทหลวง 30 เปอร์เซ็นต์ สมาชิกโบสถ์ 29 เปอร์เซ็นต์ และซิสเตอร์อีก 5 เปอร์เซ็นต์
ข้อมูลที่น่าตกใจคือ อายุเฉลี่ยของเด็กหญิงผู้ถูกล่วงละเมิดอยู่ที่ 10.5 ปี ขณะที่เด็กชายซึ่งเป็นเหยื่อส่วนใหญ่อยู่ที่ 11.5 ปี โดยสถานที่เกิดเหตุอยู่ใกล้ตัวมากกว่าที่คิด คือ โรงเรียน และบ้าน
ในบรรดาความผิดทั้งหมด คณะกรรมการได้นำเรื่องเข้าแจ้งความ 309 กรณี 27 รายถูกดำเนินคดี อีก 75 อยู่ระหว่างการสอบสวน ส่วนกรณีอื่นๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา หรือไม่ผู้เกี่ยวข้องก็เสียชีวิตไปแล้ว
ที่มุขมณฑลเซล (Diocese of Sale) รัฐวิคตอเรีย ตลอดช่วง 60 ปี ระหว่าง 1950-2010 นักบวชในมุขมณฑลเซล 15.1 เปอร์เซ็นต์ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศ มากกว่าสถิติเฉลี่ยทั่วประเทศ จากบันทึกของมุขมณฑลเซล ในช่วงเวลาดังกล่าว เด็ก 20 คนถูกล่วงละเมิดทางเพศโดยนักบวช 12 คน ซึ่งยุคที่เกิดกรณีอื้อฉาวขึ้นบ่อยที่สุดคือ 1960-1970
มุขมณฑลเซลนับเป็นพื้นที่ที่เกิดการล่วงละเมิดทางเพศเด็กมากที่สุดในออสเตรเลีย ตามมาด้วยสังฆมณฑลแซนด์เฮิร์สท์ (Diocese of Sandhurst) ที่ 14.7 เปอร์เซ็นต์
กรณีคล้ายคลึงกับออสเตรเลียเกิดที่สหรัฐ ภาพยนตร์ Spotlight เรื่องจริงของการทำข่าวสืบสวนของหนังสือพิมพ์ Boston Globe เกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศโดยนักบวชคาทอลิกในสหรัฐ หลังจากทางศาสนจักรปิดบังและเพิกเฉยมาหลายปี รายงานนี้ถูกเปิดเผยเมื่อปี 2002 พบว่า นักบวช 4 เปอร์เซ็นต์ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศในช่วงปี 1950-2002 หากนับเฉพาะในบอสตัน นักบวชและผู้เกี่ยวข้องกับโบสถ์ 271 คนมีความผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศเด็ก
ปีที่ผ่านมา โป๊ปฟรานซิส ออกข้อบังคับว่า บิชอปที่ไม่สามารถขับผู้กระทำผิดฐานล่วงละเมิดทางเพศออกจากโบสถ์ได้ จะถูกถอดออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบ และไม่ให้เกิดข้อกังขาว่า วาติกันไม่จริงจังกับเรื่องนี้ เพราะนี่เป็นบาปที่น่าละอายของคริสตจักร
ข้อบังคับนี้เกิดขึ้นหลังจากกรณีของ อาร์คบิชอปฟิลิปป์ บาร์บาแรง (Philippe Barbarin) แห่งลียง ฝรั่งเศส ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าพยายามปกปิดความผิดของ แบร์นาร์ เปรย์นาต์ (Bernard Preynat) นักบวชในมุขมณฑลที่ถูกจับกุมฐานล่วงละเมิดทางเพศเด็กชาย
อย่างไรก็ตาม ข้อบังคับนี้เป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และยังไม่ได้ผลตามที่โป๊ปฟรานซิสคาดไว้ เพราะกรณีอื้อฉาวยังเกิดขึ้นเรื่อยๆ ควบคู่ไปกับการพยายามปกปิด หรือไม่ก็ ‘จ่ายเงิน’ ชดเชยให้กับเหยื่อจำนวนมาก เพื่อแลกกับการไม่เป็นข่าวผ่านสื่อต่างๆ
อ้างอิงข้อมูลจาก: pbs.org
abc.net.au
theguardian.com
Author
