จากการศึกษาเรื่องพฤติกรรมและพิษภัยจากการสูบบุหรี่ของ กรมแพทย์ทหารแห่งสหรัฐอเมริกา พบว่า นักสูบใน พ.ศ.ปัจจุบัน มีโอกาสเสียชีวิตจากมะเร็งปอดมากกว่านักสูบรุ่นพ่อและรุ่นปู่หลายสิบเท่า แม้พฤติกรรมการสูบจะใกล้เคียงกัน
ปัจจุบัน สหรัฐอเมริกามีประชากรนักสูบราว 43 ล้านคนหรือ 18 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งประเทศ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่ลดลงเรื่อยๆ เมื่อเทียบจากในอดีต แต่แม้ว่าเปอร์เซ็นต์ของนักสูบอเมริกันจะลดลง แต่ระดับความเสี่ยงต่อสุขภาพกลับเลวร้ายมากขึ้นเมื่อเทียบกับนักสูบในอดีต
จากการศึกษาชุดเดียวกัน พบว่า การสูบบุหรี่ในปัจจุบัน มีโอกาสเสียชีวิตมากกว่า การสูบเมื่อ 50-60 ปีที่แล้ว เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พบว่า ในปี 1959 ผู้ชายที่สูบบุหรี่มีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้ชายที่ไม่สูบเลย 3 เท่า แต่ปัจจุบัน ผู้ชายที่สูบจะมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าคนไม่สูบถึง 26 เท่า
ส่วนผู้หญิงนักสูบในปี 1959 มีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าผู้หญิงที่ไม่สูบเลย 12 เท่า แต่นักสูบหญิงปัจจุบันมีโอกาสเป็นมะเร็งปอดมากกว่าถึง 25 เท่า
การเปลี่ยนแปลงส่วนผสมของบุหรี่ อาจมีส่วนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว แต่ทางกรมแพทย์ทหารก็เผยว่า เป็นเรื่องยากที่จะไปสรุปได้ส่วนผสมในบุหรี่เป็นสาเหตุหลัก
“นอกเหนือจากจะเป็นสาเหตุเกิดเชื้อโรคต่างๆ และ ลุกลามไปสู่โรคภัยต่างๆ แล้ว การสูบบุหรี่ยังยังสร้างปัญหาต่อสุขภาพให้แก่ผู้ด้อยโอกาสหรือยากจนกว่า เมื่อเปรียบเทียบสถิติระหว่างผู้สูบกับผู้ไม่สูบ อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของอันตรายและโอกาสเสียชีวิตที่สูงขึ้นจากการสูบบุหรี่นั้น ยากที่จะแยกประเภทให้ชัดเจนได้ว่า คุณสมบัติใดในบุหรี่ที่เป็นตัวการหลัก” โจเอล ลอนดอน โฆษกของกรมควบคุมโรค (Centers for Disease Control) ให้้ข้อมูลเสริม
การสูบบุหรี่ยังเป็นสาเหตุโรคหลายชนิดอย่างที่เราทราบกันดีแล้ว รายงานยังเผยอีกว่า วัณโรค เบาหวาน การตั้งครรภ์นอกมดลูก การไร้สมรรถภาพทางเพศ และ โรคไขข้ออักเสบ ก็ล้วนแล้วแต่มีความเกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่ทั้งสิ้น
………………………………………………………………
ที่มา : treehugger.com,npr.org