ปี 2013 เกาหลีใต้ห้ามขายกาแฟและเครื่องดื่มมีคาเฟอีนให้แก่นักเรียน แต่ในโรงเรียนไม่ได้มีแค่เด็ก เพราะผู้ต้องการเครื่องดื่มรสขมอีกกลุ่มหนึ่งก็คือครู ในโรงเรียนจึงมีตู้ขายกาแฟไว้บริการครู ซึ่งในทางปฏิบัติ นี่ก็เป็นช่องให้เด็กนักเรียนเข้าถึงกาแฟได้
เกาหลีใต้นับเป็นประเทศที่มีการแข่งขันด้านการศึกษาสูง เครื่องดื่มยอดฮิตในหมู่นักเรียนคือกาแฟและบรรดาเครื่องดื่มให้กำลังงานทั้งหลาย เพื่อให้รู้สึกตื่นตัว กะปรี้กะเปร่า โดยเฉพาะช่วงใกล้สอบ ที่พวกเขาต้องอดหลับอดนอนอ่านหนังสือเพื่อเข้าสู่สมรภูมิในวันรุ่งขึ้น
แต่หลัง 14 กันยายนเป็นต้นไป จะไม่มีการขายกาแฟในโรงเรียนประถมและมัธยม ทั้งในร้านค้าและตู้กดเครื่องดื่ม เรียกได้ว่าโรงเรียนกลายเป็นสถานที่ปลอดกาแฟ!
กระทรวงอาหารและยา (Ministry of Food and Drug Safety) พยายามเปลี่ยนมุมมองของเด็กและวัยรุ่นให้หันมาหาทางเลือกอื่นที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น โดยการห้ามขายกาแฟในโรงเรียนเป็นส่วนหนึ่งของโครงการลดการบริโภคอาหารแคลอรีสูงและเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หลังมีรายงานว่าเด็กบางคนมีอาการใจสั่น หน้ามืด ตาพร่า และนอนไม่หลับ
นโยบายนี้เกิดขึ้นตามหลังการห้ามขายเครื่องดื่มให้กำลังงานเมื่อต้นปีที่ผ่านมา พร้อมๆ กับการห้ามโฆษณาฟาสต์ฟู้ดทางทีวี ขนมหวาน และเครื่องดื่มคาเฟอีนสูง ในช่วงเวลาที่เด็กๆ นั่งอยู่หน้าจอทีวี
กาแฟนับเป็นเครื่องดื่มยอดฮิตในหมู่ชาวเกาหลีใต้ ตั้งแต่การเข้ามาของกองทัพสหรัฐในทศวรรษ 1950 ปลายปี 2016 ในกรุงโซลมีร้านกาแฟกว่า 18,000 แห่ง ข้อมูลจาก The Korea International Trade Association ระบุว่า เกาหลีใต้นำเข้ากาแฟมากที่สุดอันดับ 7 ของโลก ในปี 2017 มูลค่าการนำเข้านี้สูงถึง 700 ล้านดอลลาร์ และบริษัทวิจัยด้านการตลาด Euromonitor ให้ข้อมูลว่า ชาวเกาหลีใต้ดื่มกาแฟเฉลี่ยต่อคนสูงที่สุดในเอเชีย 181 ถ้วยต่อปี เปรียบเทียบกับอังกฤษคือ 151 ถ้วย แต่ยังเป็นรองสหรัฐที่มีตัวเลขเฉลี่ยที่ 266 ถ้วยต่อคนต่อปี
อ้างอิงข้อมูลจาก: theguardian.com japantimes.co.jp |