เพราะตัวเลขผู้ติดเชื้อในกรุงโซลลดลงเท่ากับ 0 กิ่งกับเพื่อนก็เลยได้เดิน ‘ขึ้น’ มาสัมผัสอากาศข้างนอก หลังจากกลิ้งๆ นอนๆ กินไก่ทอด และเรียนออนไลน์ มาไม่ต่ำกว่า 2 อาทิตย์
ที่ใช้คำว่าขึ้น เพราะที่พักของกิ่งปัจจุบัน คือ ‘พันจีฮา’ หรือห้องกึ่งใต้ดิน ที่โลกรู้จักจากภาพยนตร์เรื่อง Parasite
แต่อย่าเพิ่งคิดว่าชีวิตนักศึกษาไทยในกรุงโซลรันทดขนาดนั้น อย่างน้อยๆ พันจีฮาของกิ่งก็เป็นห้องกึ่งใต้ดินที่รีโนเวทใหม่ทั้งหมด สะอาดสะอ้าน เป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับนักศึกษาปริญญาโท เอกความสัมพันธ์ประหว่างประเทศ บัณฑิตวิทยาลัยการศึกษานานาชาติ มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา (Graduate School of International Studies, Ewha Womans University) อย่าง กิ่ง-ณัฐกานต์ อมาตยกุล ได้อ่านหนังสือและเรียนออนไลน์อย่างสงบและมีสมาธิ
“มันไม่ใช่ใต้ดินแบบไม่เห็นแสงตะวันนะ มันเป็นแบบกึ่งใต้ดิน ก็จะมีหน้าต่างแบบเปิดมาเห็นเท้าคนเหมือนในหนัง” กิ่งส่งรอยยิ้มผ่านแอพพลิเคชั่น Zoom
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/04/94473680_230216361550980_4430600537846579200_n.jpg)
ปุ่ม Emergency Alert ที่ปิดไม่ได้
30 มกราคม 2563 กิ่งเทคออฟจากไทยกลับไปเรียนต่อที่เกาหลีใต้ ตอนนั้น COVID-19 เริ่มระบาดแล้ว
“จองตั๋วล่วงหน้าว่าจะมากรุงเทพฯ วันนี้ แล้วกลับโซลวันนี้ พอถึงเวลาก็เลยกลับ อยู่เมืองไทยก็ไม่มีอะไรทำ กลับไปเรียนดีกว่า แล้วตอนนั้นมันยังไม่มีอะไรด้วย ตัวเลขก็ไม่ได้น่ากลัวไปกว่าไทย”
18 กุมภาพันธ์ 2563 โลกได้รู้จักคุณป้า ณ แทกู ในฐานะ super spreader จากโบสถ์ชินจอนจิ และตอนนั้นกิ่งก็รู้จัก ‘อาจุมม่า’ ผู้นี้พร้อมกับทุกคน
แต่ถามว่าตกใจไหม…ก็ไม่
แทกูอยู่ไกลจากโซลก็เหตุผลหนึ่ง
“ไม่ตกใจเพราะ KCDC หรือกรมควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้ มีประกาศทุกวันในเว็บว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นนั้นมันไปเพิ่มที่ไหน ถ้าเราเข้าไปดูในเว็บเราก็จะรู้ว่าที่มันเป็นร้อยเป็นพันคน คือที่แทกูนะ ส่วนในโซลและเมืองอื่นๆ ก็ยังควบคุมได้”
ปลายเดือนกุมภาพันธ์ถือเป็นช่วง ‘พีค’ ที่สุด ยอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มขึ้นถึงกว่า 5,000 คน มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มกว่า 900 คนต่อวัน
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/04/94467629_663256804220154_7274121547839700992_n.jpg)
จนแล้วจนรอด กิ่งก็ยังไม่แพนิค และเชื่อว่ารัฐบาลประธานาธิบดีมุน แจ อิน จัดการได้
“รู้สึกว่ารัฐบาลเขาจริงใจ เวลาเขาประกาศว่าสถานการณ์เป็นยังไง มีตัวเลขเพิ่มขึ้นที่ไหน ข้อมูลคือสิ่งสำคัญ ถ้าเรารู้ข้อมูลครบ จะรู้ว่าตัวเองต้องปฏิบัติตัวยังไง เขาไม่ได้บอกแค่ว่าผู้ติดเชื้อไปติดที่แทกูแล้วจบ เขาจะบอกว่าจุดแพร่เชื้อหลัก คือที่ไหนบ้าง เช่น โรงพยาบาลนั้น โบสถ์นี้ เราก็จะรู้ว่าไม่ควรไปสถานที่แบบไหน”
6 มีนาคม 2563 หลายสำนักข่าวเสนอกราฟที่ลดลงของผู้ติดเชื้อในเกาหลีใต้ จากเดิมเฉลี่ยเพิ่มวันละ 800 คน หล่นลงเหลือ 300 คนต่อวัน
ปัจจัยสำคัญคือการตรวจสมาชิกโบสถ์ชินจอนจิกว่า 2 แสนคน ได้หมดทุกคน รวมถึงแอพพลิเคชั่นติดตามผู้ติดเชื้ออย่างเคร่งครัด และระบบกักกันผู้ที่สัมผัสผู้ติดเชื้อ
แต่ที่เวิร์คมากๆ สำหรับกิ่งคือ ระบบ emergency alert ในโทรศัพท์มือถือ Samsung ทุกรุ่น ซึ่งถูกออกแบบมาให้ปิดไม่ได้ จนกว่าจะอ่านข้อความนั้นแล้วกดปุ่ม OK
ที่สำคัญ มาหมดทั้งการสั่น (แรงเกินมือถือทั่วไป) และเสียงเตือนที่ดังและทรมานโสตราวกับแผ่นดินไหวอยู่ใต้เท้า
“ไม่ใช่ SMS ทั่วไป มันเป็นระบบ emergency alert เขายิงในโซนเดียวกัน มันชอบดัง 8 โมงเช้า เหมือนมาปลุก… และมันปิดไม่ได้เพราะเขาอยากให้เราปลอดภัย”
อธิบายให้ละเอียดกว่านั้น emergency alert จะมีปุ่มแต่เป็นตัวจางๆ ให้รู้ว่ากดไม่ได้ มีข้อความกำกับไว้ด้วยว่า ‘เพื่อความปลอดภัย’
แต่โทรศัพท์ค่ายแอปเปิล ปิดเสียงดังกล่าวได้
กิ่งอธิบายต่อว่า ระบบนี้มีมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่มาโซลปีที่แล้ว กิ่งได้รับคำเตือนว่า ช่วงนี้จะร้อนมากนะ ให้อยู่ในที่ร่ม ดื่มน้ำเยอะๆ
“ร้อนมากของเขาคือ 34 องศา (หัวเราะ) คือกลัวคนเป็นฮีทสโตรกเลย วันที่มีฝุ่นเยอะเขาก็จะเตือนว่าให้ใส่หน้ากาก ระบบนี้มันมีอยู่แล้ว พอช่วงโควิดเขาก็จะเตือนถี่เป็นพิเศษ บางวันก็ 4 ครั้งเลย ข้อมูลที่เขาเตือน เช่น มีผู้ติดเชื้อเพิ่มในละแวกนี้ ผ่านจุดไหนหรือโซนไหนบ้าง ถ้าอยากได้เส้นทางการเดินทางเพื่อหลีกเลี่ยงให้ไปดูในเว็บไซต์นี้”
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/04/94238545_3162536727098239_2076199418658291712_n.jpg)
ชีวิตปกติของนักศึกษามหาวิทยาลัยสตรี
มหาวิทยาลัยสตรีอีฮวาที่กิ่งเรียน ประกาศให้นักศึกษาเรียนออนไลน์ทั้งเทอมการศึกษา และกิ่งก็เรียนออนไลน์มา 1 เดือนแล้ว
“การเรียนออนไลน์อนุญาตให้ตื่นสายได้” (ยิ้ม) วิชาแรกของกิ่งจึงเริ่มต้นหลังมื้อเที่ยง และยิงยาวไป เวลาที่เหลือคืออ่านหนังสือ สลับไปมหาวิทยาลัยบ้างเพราะยังต้องไปยืมและคืนหนังสือที่ห้องสมุด
ก็เหมือนทุกคน การเรียนออนไลน์ช่วงแรกทั้งอึดอัด ขลุกขลัก ลืมปิดไมค์บ้าง แต่สักพักก็เริ่มเข้าที่เข้าทางทั้งคนเรียนและคนสอน
ยิ่งไปกว่านั้น คลาสในพันจีฮาอย่างนี้ ทำให้กิ่งกล้าพูดมากขึ้น – อันนี้เจ้าตัวบอกว่าเป็นประสบการณ์ส่วนบุคคล
“ทิศทางการมองเปลี่ยนไป ตอนที่เราอยู่ในห้องเรียน นักศึกษาจะหันหน้าไปในทางเดียวกันคือทางอาจารย์ แล้วจะรู้สึกไม่กล้า ถ้าฉันพูดอะไรออกไปมันเหมือนมาจากฟากของคนที่มอง แต่พอเป็นรูปแบบหน้าจอ เหมือนเพื่อนทุกคนมองเราอยู่แล้ว โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ก็เลยกล้าพูดมากขึ้น อันนี้เกิดขึ้นกับตัวกิ่ง แต่คนอื่นที่กล้าพูดอยู่แล้วคงไม่มีผลอะไร (หัวเราะ) เลยทำให้รู้สึกว่าเรามีส่วนร่วมมากขึ้น”
อธิบายให้เห็นภาพมากขึ้นคือ การเรียนผ่านจอ ให้บรรยากาศแบบล้อมวงคุยกันมากกว่า เอื้อให้เกิดการพูดคุย ถกเถียง แลกเปลี่ยน ขณะที่ห้องเรียนแบบเดิมหนักไปทางเลคเชอร์
อันที่จริง รัฐบาลเกาหลีใต้พยายามผลักดันเรื่อง K-MOOC การศึกษาออนไลน์มาตั้งแต่ปี 2015 แต่สำหรับการศึกษาในระบบ การเรียนออนไลน์ยังไปได้ไม่ถึงไหนเพราะคนยังไม่เปิดใจ
“แต่การมาของ COVID-19 มันเหมือนการบังคับให้ทุกคนต้องใช้ ไม่ถนัดก็ต้องเรียนรู้ กิ่งคิดว่าน่าจะทำให้มหาวิทยาลัยต่างๆ เริ่มเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ไม่ต้องบินมาเรียนถึงต่างประเทศ เธอก็เรียนกับฉันได้”
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/04/93869511_3075734489158035_2425503722952982528_n.jpg)
ไม่ Lockdown ไม่แพนิค ไม่กักตุน WFH แบบสมัครใจ
มาตรการช่วยเหลือเด่นๆ ของรัฐบาลเกาหลีใต้ คือแจกเงินครัวเรือนละ 1 ล้านวอน (ยกเว้นครัวเรือนที่มีรายได้สูง) ให้เงินอุดหนุนผู้ประกอบการรายย่อยเพื่อจ่ายเงินเดือนพนักงาน และยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจขนาดเล็ก
ส่วนการ work from home ให้เป็นไปตามการพิจารณาของแต่ละหน่วยงาน เพราะที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้สั่ง lockdown ประเทศอย่างเคร่งครัด แต่เน้นตรวจโรค กักกันโรคอย่างโปร่งใส
“ช่วงแรกๆ ก็คิดไปซื้อของตุนเหมือนกัน คาดหวังเห็นคนเกาหลีตุนของ แต่ไม่เลย ทุกคนนวยนาด ฉันมาจับจ่ายตามปกติ”
ร้านอาหารทั่วไปก็ยังเปิดให้บริการตามปกติ รายที่ปิดจริงๆ ก็เพราะเหตุผลส่วนตัวและจะติดป้ายบอกไว้หน้าร้าน
ส่วนกิ่ง นอกจากไก่ทอดที่กลายมาเป็นมื้อหลัก นักศึกษาไทยยังชอบการสั่งของสดผ่านอี-มาร์ท
“เหมือนโลตัสบ้านเรา ปกติจะมีออพชั่นว่ารับกับมือ หรือวางไว้หน้าบ้าน แต่พอโควิดเข้ามา เขาเอาออพชั่นรับกับมือออกไป เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และอัพเดท GPS ตลอดเวลาให้เรารู้ว่าจะมาถึงเมื่อไหร่” กิ่งเล่าด้วยน้ำเสียงสดใส และใบหน้าที่อวบอิ่ม (ขึ้น)
ประเทศที่ไม่เคยเลื่อนการเลือกตั้ง
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่ไม่เคยเลื่อนการเลือกตั้งแม้แต่ครั้งเดียว ครั้งนี้ก็เช่นกัน
และ COVID-19 ถือเป็นตัวฉุดกราฟที่ดิ่งลงของประธานาธิบดีมุน แจ อิน ให้กลับมาพุ่งทะยานอีกครั้ง
“ช่วงแรกเขาใจเย็น พอเริ่มติดเชื้อทีละนิดทีละหน่อย มุน แจ อิน บอกว่าเดี๋ยวก็คงผ่านไปนั่นแหละ แล้วพอมีเคส super spreader เขาก็เลยด่ากันใหญ่เลยว่าทำไมอ่อนด้อยขนาดนี้ ปล่อยให้คนติดเชื้อ”
พอกลับลำได้ มาตรการของ มุน แจ อิน ก็เริ่มเข้มข้นขึ้น
“ตั้งแต่กลับมาที่เกาหลี ประมาณวันที่ 31 มกราคม มหาวิทยาลัยก็ส่งอีเมลมาทันทีว่าคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ให้เช็คสุขภาพ ให้ทำแบบสอบถาม ฯลฯ”
ระดับรัฐบาล กิ่งเล่าให้ฟังว่า ทางการจะโปรโมทตั้งแต่เท้าแตะสนามบิน มีป้ายประกาศต่างๆ ว่าให้โทรเบอร์ 1339 เพื่อรับข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวกับ COVID-19
“ถ้าเรามาจากต่างประเทศแล้วมีอาการเข้าข่าย ให้ไปตรวจฟรี ถ้าเป็นก็รักษาฟรี นี่เป็นเมสเสจที่เขากระหน่ำใส่ทุกๆ คนที่อยู่ในประเทศเลยว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย ถ้าเป็น…ฟรี อันนี้ชัดเจน”
จะมีตกร่องก็ตรงที่เกิดภาวะขาดแคลนหน้ากากทั้งประเทศ รัฐบาลต้องออกมาขอโทษ และแก้ปัญหาโดยการส่งไปตามร้านขายยาทั่วประเทศ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือคนไปต่อแถวกันนาน ยิ่งแออัดจึงยิ่งเสี่ยง
“เขาก็เลยใช้วิธีแบ่งไปตามปีเกิด สมมุติว่าเลขท้ายของปีเกิดคือ 2 กับ 7 ก็ไปซื้อได้เฉพาะวันอังคาร แล้วก็ซื้อได้แค่ 2 ชิ้น”
ความพยายามของรัฐบาลประธานาธิบดีมุน แจ อิน ตลอดเวลาที่ผ่านมา ส่งผลให้เขาและพรรคประชาธิปไตย รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาล คว้าคะแนนเสียงในสภาได้มากถึง 180 ที่นั่ง จากจำนวนผู้ใช้สิทธิเลือกตั้งสูงถึง 66 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 28 ปี
สำนักข่าวเกาหลีและต่างประเทศ วิเคราะห์กันว่า คะแนนเสียงถล่มทลายนี้ มาจากมาตรการรับมือการระบาดของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ที่สามารถควบคุมการระบาดได้อย่างเด็ดขาดในช่วงเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/04/94240575_926677567762586_6446590832911843328_n.jpg)
อย่างไร ชีวิตก็ต้องการแสงแดด
เมื่อวานกิ่งกับเพื่อนได้ออกไปเดินเขาอีกครั้ง หลังจากร้างไปหลายเดือน ประกอบกับการนั่งๆ กินๆ นอนๆ อยู่ในพันจีฮา น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นจึงเรียกร้องการออกกำลังกาย
กิ่งบอกว่าช่วงนี้หลายๆ คนน่าจะ ‘วินัยหลุด’ ทั้งจากยอดผู้ติดเชื้อที่ลดลงบวกกับบรรยากาศของฤดูใบไม้ผลิที่คอยแต่จะกวักมือเรียกให้คนออกไป
และความนิ่งนอนใจนี้เองก็ทำให้ผู้ติดเชื้อในโซลจากที่เหลือ 0 เพิ่มขึ้นเป็น 2 คน
“พอออกไป เมสเสจเตือนขึ้นมาทันทีเลยว่า มีผู้ติดเชื้อแล้วนะ”
แต่การอยู่แต่ในพันจีฮาก็ไม่ดีแน่ๆ แม้ห้องกึ่งใต้ดินของกิ่งจะถูกรีโนเวทใหม่หมด หากยังมีปัญหาเรื่องความชื้นอยู่บางจุด
“มีตรงห้องน้ำ น่าจะเป็นความผิดพลาดของการสร้างบ้าน คือมันจะมีมุมนึงของพื้นที่เหมือนจะมีน้ำซึม แต่เขาบอกว่าเป็นเพราะว่าบ้านนี้มันรีโนเวท แล้วตรงโซนนั้นเขาลืมทำผนังกันความเย็น ก็เลยทำให้มีไอน้ำเกิดขึ้น”
นอกจากนั้น ก็ยังต้องระวังเชื้อราที่มักจะมาพร้อมความชื้น
“ถ้าเชื้อรามาเมื่อไหร่ ระบบทางเดินหายใจเราก็จะแย่ และความที่เป็นห้องแสงแดดน้อย ยิ่งหน้าหนาว จะรู้สึกทึมๆ อาจจะส่งผลทางจิตใจ ก็ต้องหาเวลาออกไปข้างนอกบ้าง”
แต่พอถามถึงมาตรการเยียวยาจากผู้ให้เช่า
“ไม่ได้ลดค่ะ ก็ไม่เห็นเขาพูดอะไรนะ”
นโยบายเด่นของเกาหลีใต้
- การสุ่มตรวจประชาชนจำนวนมาก โดยไม่จำกัดว่ามีอาการ หรือเสี่ยงที่จะสัมผัสโรคหรือไม่
- ไม่ lockdown ประเทศอย่างเคร่งครัด แต่เน้นตรวจโรค กักกันโรคอย่างโปร่งใส
- แจกเงินครัวเรือนละ 1 ล้านวอน (ราว 27,000 บาท) ยกเว้นครัวเรือนที่มีรายได้สูง (ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ของครัวเรือนทั้งหมด)
- แจกบัตรของขวัญจำนวน 3.5 ล้านล้านวอน เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น
- อุดหนุนบริษัทที่พนักงานลาหยุดโดยที่ยังได้รับค่าจ้าง (paid leave) เพื่อกักตัว 14 วัน
- ยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่ธุรกิจขนาดเล็ก
- ให้เงินอุดหนุนผู้ประกอบการรายย่อยจ่ายเงินเดือนพนักงาน
- ช่วยเหลือร้านค้าขนาดเล็กที่มีผู้ติดเชื้อแวะเข้าไปในพื้นที่ เมื่อกลับมาเปิดทำการปกติ