นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ด้วยเสียงสนับสนุนจำนวน 482 เสียง เกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภาคือ 374 เสียง ไม่เห็นชอบ 165 เสียง งดออกเสียง 81 เสียง จากองค์ประชุมทั้งสิ้น 728 เสียง โดยแยกเป็นเสียงสนับสนุนจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จำนวน 330 เสียง และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 152 เสียง
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2023/08/round3-0.jpg)
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2023/08/round3-1.jpg)
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2023/08/round3-2.jpg)
เวลาประมาณ 15.15 น. นายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้สั่งให้มีการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี โดยให้ลงมติแบบเปิดเผยด้วยการขานชื่อสมาชิกรัฐสภาเรียงตามลำดับ
ก่อนหน้านี้ในการประชุมช่วงเช้า ประธานรัฐสภาเปิดให้สมาชิกอภิปรายเหตุผลในการสนับสนุนและไม่สนับสนุน นายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่ง สว. หลายคนได้อภิปรายถึงคุณสมบัติและข้อกังขาที่มีต่อนายเศรษฐาเกี่ยวกับกรณีการเลี่ยงภาษี การซื้อขายที่ดิน และการตั้งนอมินี ระหว่างที่นายเศรษฐายังผู้บริหารบริษัทแสนสิริ ตามที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้นำมาเปิดเผยตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมทั้งตั้งคำถามต่อนโยบายทางเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยด้วย
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2023/08/1-edit-720x900.jpg)
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคพรรคก้าวไกล และนายกัณวีร์ สืบแสง เลขาธิการพรรคเป็นธรรม อภิปรายให้เหตุผลของการไม่สนับสนุนนายเศรษฐาให้เป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ว่า ไม่ต้องการทำลายเจตจำนงของประชาชนในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพราะจะเป็นการสืบทอดอำนาจเผด็จการ
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2023/08/2-1-720x900.jpg)
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2023/08/3.jpg)
ด้าน สส. ในฟากฝั่งของพรรคการเมืองเสียงข้างมากได้ยืนยันสนับสนุนนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป เพื่อเดินหน้าประเทศ สมานฉันท์ และก้าวข้ามความขัดแย้ง ส่วน นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นอภิปรายปิดท้าย ชี้แจงข้อสงสัยเกี่ยวกับคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามของนายเศรษฐา ซึ่งหลายเรื่องเป็นประเด็นเกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตที่เกี่ยวโยงไปถึงการประกอบอาชีพขณะยังทำงานเป็นภาคเอกชน โดยพรรคเพื่อไทยได้ตรวจสอบคุณสมบัติอย่างถี่ถ้วนแล้ว ขอยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยไม่ละเลยเรื่องเหล่านี้ เพราะถือเป็นความรับผิดชอบต่อประชาชนและประเทศชาติ
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยขออาสาสลายความขัดแย้งและจัดตั้งรัฐบาลในนามของทุกฝ่ายที่สามารถร่วมมือกันได้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งของรัฐบาล