สัปดาห์ที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่ของร้านกาแฟยอดนิยมของผู้คนทั่วโลก เมื่อผู้บริโภคพบสารปนเปื้อนจากยาฆ่าแมลงในอาหารจาก Starbucks ส่งผลให้ Starbucks ถูกศาลสั่งฟ้องถึง 2 คดีด้วยกัน คำฟ้องร้องของศาลออกมาในวันอังคารที่ 21 พฤษภาคม ลูกค้า Starbucks กว่า 10 ราย อ้างว่า พวกเขาพบสารกำจัดแมลงที่ใช้ในทางการเกษตรหลังจากซื้อเครื่องดื่มและสินค้าของ Starbucks ในหลายๆ เมือง ซึ่งเหตุนี้เกิดขึ้นนานมากกว่า 3 ปี
คดีแรก ว่าด้วยความปลอดภัยในการประกอบอาหาร ลูกค้า Starbucks จำนวนหนึ่งในนครนิวยอร์ค พบกับสารพิษที่ปนเปื้อนในอาหารของพวกเขา สาเหตุเกิดจากแผ่นกันแมลงยี่ห้อ Hot Shot No-Pest Strips แม้ประโยชน์ใช้สอยของมันมีมหาศาล แต่กลับเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคอย่างคาดไม่ถึง
สารพิษที่เป็นอันตรายถึงชีวิตชื่อ ไดคลอร์วอส (Dichlorvos) ซึ่งใช้ในทางการเกษตรในกลุ่มออร์แกโนฟอสเฟต (organophosphate) ซึ่งเป็นส่วนประกอบของแผ่นดักแมลง Hot Shot ผลิตโดยบริษัท Spectrum Brands เป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ทั่วไปและใช้งานกันอย่างแพร่หลายทั้งในบ้านและในสวน แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าแผ่นดักแมลงตัวเก่งได้แพร่กระจายสารพิษในอาหารและเครื่องดื่มในร้าน Starbucks เป็นระยะเวลานานหลายปี จนกระทั่งมีผู้ร้องเรียนปรากฎตัวขึ้นมา
ในสำนวนของศาล สารไดคลอร์วอสเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการสูญเสียการควบคุมกระเพาะปัสสาวะ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หายใจติดขัด มีอาการคลื่นไส้อาเจียน และกล้ามเนื้อบางส่วนเป็นอัมพาต
แล้วไม่มีใครเอะใจหรือสนใจเลยหรือ?
มีอดีตพนักงาน Starbucks เคยแจ้งเรื่องความอันตรายของการใช้อุปกรณ์กำจัดแมลงชนิดนนี้ในร้านต่อทางสาขา แต่ก็ไม่เกิดการปรับเปลี่ยนเจ้าอุปกรณ์ดักและกำจัดแมลงชนิดนี้เลย ไม่เพียงแต่อดีตลูกจ้างของ Starbucks แม้แต่บริษัทกำจัดปลวกที่คอยดูแลร้านก็ได้เตือนให้ Starbucks ระวังถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ แต่บทสรุปกลับจบลงที่ความเงียบ Starbucks เองก็ปกปิดเรื่องเอาไว้และไม่ได้เปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบและยังคงใช้เจ้าแผ่นดักแมลงนี้ต่อมา
ขณะที่ข้อกล่าวหาที่ 2 ที่ทาง Starbucks ได้รับมาจากศาลในแมนฮัตตัน เพราะนอกจากการปล่อยให้มีสารพิษปนเปื้อนในอาหารแล้ว Starbucks ยังไล่พนักงานที่เตือนเรื่องความอันตรายของแผ่นดักแมลงออกจากงานทันที ไล่พนักงานออกก็ยังไม่จบความอลวน Starbucks ยังไปยกเลิกสัญญากับบริษัทกำจัดแมลงที่เตือน Starbucks ในเรื่องนี้อีกด้วย
สนับสนุนโดย