…ผู้ชายบางคนมันเหี้ย และเธอก็ต้องยอมรับเรื่องนี้ให้ได้ ถึงเธอจะซื้อหนังสือทั้งโลกให้มันอ่าน แต่สุดท้ายมันก็ยังเป็นเบนจิอยู่วันยังค่ำ มันไม่มีทางเป็นเบนจามินหรือเบนไปได้หรอก สาธุ เพราะมันไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นไง มันเป็นเด็กไม่รู้จักโตแบบถาวร เข้าใจไหม ช่างหัวคลับโซดาปัญญาอ่อนของมันปะไร แถมไอ้ชื่อเล่นโง่ๆ นั่นด้วย ถามจริง ชื่อเบนจิเนี่ย คิดได้ไง และเวลามันพูดชื่อตัวเองนะ มันทำอย่างกับว่ามันเป็นคนเอเชียหรือคนฝรั่งเศสยังงั้นแหละ เบน…จีอีอีอี เด๋อเอ๊ย ไปตายไป๊…
– หน้า 39
‘คุณ’ คงคาดว่านี่จะเป็นนิยายร่วมสมัยอุดมไปด้วยบทสนทนาเสียดสี กัดจิก แซะ ตลก บนโลกของคนที่ยังเชื่อมต่อกับสายใยของความทรงจำเก่าๆ จากการเติบโตขึ้นมากับการอ่าน และการละเล่นคือการพาตัวเองออกไปในท้องทุ่ง ริมถนน เสี่ยงชีวิตวัยเด็กให้จบสิ้นก่อนวัยอันควรด้วยการวิ่งทะเล่อทะล่าไปให้รถชน และพ่อคุณก็เป็นแค่ชนชั้นล่างของสังคมที่ฝากความหวังไว้กับคุณว่าคุณจะเป็นโอกาสในการขยับฐานะขึ้นไปผ่านสิ่งที่เรียกว่าการศึกษา
จนกระทั่งคุณรู้ว่าระบบการศึกษาที่เชื่อมโยงกับระบบสังคมมันไม่ได้ตอบโจทย์ให้กับทุกความฝัน หากคุณไม่มีเงินมากพอ หรือไม่มีมันสมองมากพอ คุณก็เป็นแค่คนธรรมดา ดาดๆ ทั่วไป ที่พบเจอได้ตามร้านกาแฟอะเมซอน (ไม่ใช่สตาร์บัคส์)
คุณกลายเป็น ‘โจ’ พระเอกในนิยายชื่อเรื่องแสนสั้นเพียงคำเดียว You/เธอ ซึ่งเขียนโดย Caroline Kepnes ในสำนวนแปลของ ธีปนันท์ เพ็ชรศรี
โจทำงานในร้านหนังสืออิสระ แต่ก็ยังต้องการขายนิยายของ สตีเฟน คิง ของ แดน บราวน์ เพื่อพยุงร้านให้ยังอยู่รอด ในชั้นใต้ดินของร้านหนังสือ มีกรงไว้สำหรับเก็บหนังสือหายาก ทว่าโจใช้กรงทำอย่างอื่น ทำบางสิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นเมื่อวันหนึ่งหญิงสาวที่ชื่อ ‘เบค’ เดินเข้ามาในร้านแล้วกระชากหัวใจโจไปนับจากนั้น
…คุณไม่ได้เดาง่ายขนาดนั้นหรอก เบค คุณก็แค่เล่นเฟซบุ๊ก…
– หน้า 93
เมื่อคุณอ่านเรื่องนี้ไปสักพัก พนันได้ว่าความเฉลียวฉลาดของโจที่จบเพียงแค่ไฮสกูล แต่กลับอ่านหนังสือมามากกว่านักศึกษาครึ่งห้องของเบครวมกันจะทำให้คุณรู้สึกว่า (แม้โจจะเป็นผู้ชายที่ส่งกลิ่นอันตรายหน่อยๆ) หมอนี่ตลกและน่ารักดี
และนั่นคงเป็นสิ่งที่ Caroline อยากให้เรามองเห็น จวบจนกระทั่งเมื่อโจลงมือฆ่าแฟนหนุ่มของเบค ในห้วงเวลาที่เขาสู้อุตส่าห์อดทนรอเพื่อจะได้มีเซ็กส์กับเบค แต่เพื่อนสาวของเบค ‘พีช’ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนชนชั้นสูงแบบเดียวกับ ‘เบนจิ’ แฟนหนุ่มของเบค
…ผมก็นึกถึงสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ของเรา ความสุขสมของการได้เป็นแฟนของคุณ แต่ทุกอย่างมลายหายสิ้นไปเพราะความเกลียดชังที่ผมมีต่อเมืองนี้ เมืองที่ถูกครอบครองด้วยคนอย่างไอ้เบนจิและนังพีช…
– หน้า 150
ถึงจุดนี้ ทิศทางของเรื่องได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นเรื่องเล่าเขย่าขวัญของชายชนชั้นกลางค่อนไปทางล่างที่ได้แต่อิจฉาในสถานะของความเป็นคนพิเศษของพวกอีลิททั้งหลาย และทางเดียวที่เขาจะตอบโต้คนเหล่านี้ รวมถึงตัวแทนของกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งแน่นอนในความคิดของโจคือเบคย่อมไม่มีเส้นทางอื่นให้หลีกเลี่ยง
บทสรุปในตอนท้ายของเรื่องจึงไม่ได้เป็นสิ่งที่เกินคาดเดา หรืออย่างน้อยคุณคงเดาได้ไม่ยาก
…เรามองเห็นสัจธรรมบางอย่างได้ง่ายขึ้นเมื่ออยู่บนท้องทะเล ผืนน้ำสามารถถาโถมกลืนกินคุณได้ตลอดเวลาถ้ามันต้องการ คุณคงรู้ว่าจริงๆ แล้วมนุษย์เราไม่ได้สลักสำคัญอะไร เราต่างเป็นธาตุวัตถุ เกิดจากเถ้าและตายไปเป็นเถ้า เบค มาจากธุลีก็หวนคืนสู่ธุลี ขี้เก้าของเบนจิอยู่ในกล่องอิเกีย…
– หน้า 152
สิ่งที่น่าเศร้า แม้จะเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดหวั่นจนต้องวางหนังสือลงเป็นพักๆ แต่คุณคงไม่อาจหยุดอ่านได้คือข้อเท็จจริงที่ว่าความรักเป็นความบ้าไม่กี่อย่างที่สังคมยอมรับ โจเป็นโรคจิตอย่างไม่ต้องสงสัย และเบคเป็นผู้หญิงที่ชอบโกหกอย่างไม่อาจปฏิเสธ ในแง่หนึ่งคุณอาจคิดว่าที่จริงแล้วทั้งสองเหมาะสมกันดี และน่าจะไปกันได้รอด แต่ในความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อเราหลงรักในภาพแทนของอะไรสักอย่าง เราพยายามจะหาเหตุผลเพื่อให้ภาพแทนนั้นกลายเป็นความจริงในใจเรา แล้วปฏิเสธความจริงที่ประจักษ์อยู่ตรงหน้า
…เราเป็นคู่รักในฝัน เราสองคนคือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเม็ก ไรอันกับทอม แฮงก์ส จูบกันในตอนจบ หลังจากโจเซฟ กอร์ดอน-ลิวอิตต์หายจากมะเร็งและไปนั่งกินพิซซ่ากับจิตแพทย์ฝึกหัดผู้น่ารักอย่างแอนนา เคนดริก ในหนัง 50/50 เราคือวิโนนา ไรเดอร์ กับอีธาน ฮอว์ก หลังจากวงยูทูร้องเพลง “ออลไอว้อนท์อีสยู” จบ…
– หน้า 371
ในท้ายที่สุด คุณอาจจะสงสารทั้งโจ และเบค แต่อาจจะสงสารเบคมากกว่า แม้เอาเข้าจริงแล้ว เบคจะเป็นผู้หญิงร้ายกาจจนถึงขั้นคุณอาจคิดว่าสมควรตายแล้ว
…ภาพคุณตอนกำลังตายก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ไม่มีสิ่งใดแม้กระทั่งเม็ดฝน ที่จะมีมือเรียวเล็กปานนั้น แล้วผมก็ร้องไห้…ร้องไห้ออกมาเงียบๆ จะได้ไม่มีใครสังเกตเห็น ความตายของคุณเหมือนเพลงที่ถูกเปิดซ้ำวนไปมา…
– หน้า 389
โลกมันโหดร้าย ความรักมันโหดร้าย
ทว่าเราหลีกหนีจากทั้งโลกและความรักไม่ได้ เราตั้งความหวังกับทั้งสองสิ่ง พยายามประคองชีวิตโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ความเชื่อว่ามันจะดี แม้ในท้ายที่สุด เราจะรู้ว่ามันต้องจบลง แต่ก็เหมือนที่โจกล่าวไว้
ผมจะไม่ประมาทพลังของการรอคอยอย่างมีความหวังอีกต่อไป…
You