วานนี้ สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้เดินทางไปยังตอนใต้ของประเทศ และกล่าวแก่ประชาชนจำนวนมากว่า อยากเรียกร้องให้มีกฎหมายสำหรับลงโทษประชาชนที่เพิกเฉย เงียบและปฏิเสธว่า ไม่มีเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในกัมพูชาช่วงทศวรรษ 1970
“ใครก็ตามที่พูดว่ากัมพูชาไม่เคยมีเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยกลุ่มเขมรแดง คนนั้นต้องถูกลงโทษ” อดีตแกนนำกลุ่มเขมรแดงเองอย่าง สมเด็จฮุน เซน ยังเสริมว่ากฎหมายตัวนี้บังคับใช้แล้วบางประเทศในยุโรป
ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว การบังคับใช้กฎหมายตัวนี้ในยุโรปแทบจะตรงข้ามกัน ยกตัวอย่าง ในเยอรมนี มีกฏหมายต่อต้านหรือไม่ยอมรับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยเฉพาะการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยฮิตเลอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ลุกลามในวงกว้าง รัสเซียเองก็เตรียมออกกฎหมายห้ามวิจารณ์บทบาทของประเทศระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ในระยะเวลาอันใกล้
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ เขม โสขา ผู้นำพรรคฝ่ายค้านซึ่งเคยตกเป็นเหยื่อในเหตุการณ์ทุ่งสังหาร เผยข้อมูลก่อนหน้านี้ว่า นิทรรศการในพิพิธภัณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ตวล สเลง (ที่คุมขังนักโทษก่อนพาไปยังทุ่งสังหาร) ล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งสิ้น แม้ว่าผู้บัญชาการสถานจองจำแห่งนั้นจะสารภาพแล้วว่า มันเป็นสถานที่ทรมานนักโทษและเขาถูกพิพากษาจากศาลโลกแล้วว่ามีความผิดฐานร่วมกระทำการในเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ แล้วก็ตาม
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า คำกล่าวของสมเด็จฮุน เซน ครั้งนี้ มีเพื่อเตรียมปูพื้นฐานก่อนการเลือกตั้งทั่วไป วันที่ 28 กรกฎาคมนี้ ที่คาดว่าพรรคสิทธิมนุษชนของสมเด็จฮุน เซน จะกวาดคะแนนถล่มทลายอีกครั้ง โดยเขามักจะหาเสียงว่า ถ้าพรรคฝ่ายค้านได้ชัยชนะ อาจหมายถึงการกลับมาของกลุ่มเขมรแดง ซึ่งดูๆ แล้วไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกันได้เลย โดยเฉพาะเมื่อออกจากปากอดีตผู้นำเขมรแดงอย่างสมเด็จฮุน เซน
**************************
ที่มา: globalpost.com