ชาวเกาหลีใต้ได้ชื่อว่ามีการทำศัลยกรรมมากที่สุดในโลก จากข้อมูลของสมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งนานาชาติ (International Society of Aesthetic Plastic Surgeons: ISAPS) ในสังคมที่มีการแข่งขันสูง การศัลยกรรมกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะนำไปสู่หน้าที่การงานและความสำเร็จ
การเสริมจมูก ทำตา 2 ชั้น รวมถึงการตัดกรามและเหลาใบหน้าให้เรียว สนนราคารวมอยู่ที่กว่า 10,000 ดอลลาร์สหรัฐ แต่เมื่อยังอยู่ในวัยเรียน ไม่มีรายได้เพิ่มเติมจากที่ไหน ทำให้วัยรุ่นเกาหลีบางส่วนหันไปพึ่งสินค้าเสริมความงามออนไลน์ ที่มีราคาย่อมเยากว่าชนิดเทียบกันไม่ได้
เมื่อ 2 ปีก่อน หลังจากดูรายการทอล์คโชว์แนะนำอุปกรณ์ทำหน้าเรียวได้ด้วยตัวเอง (Do-It-Yourself: DIY) โดยไม่ต้องพึ่งการศัลยกรรม นา และ ชอย (นามสมมุติ) 2 นักเรียนสาววัย 17 ปี ก็ชวนกันสั่งซื้ออุปกรณ์ดังกล่าวมาทดลองใช้ทันที
อุปกรณ์ลูกกลิ้งหน้าเรียว ราคา 6 ดอลลาร์สหรัฐ เจ้าของผลิตภัณฑ์อ้างว่าเมื่อใช้แล้วจะทำให้คางเรียวได้รูป และหน้าดูเป็นรูปไข่ พวกเธอพยายามกลิ้งอุปกรณ์ไปมาบนใบหน้าชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า แต่ผลที่ได้คือความเจ็บปวดทว่าไม่เห็นผลแบบในรายการที่ได้ดู ยังดีที่พวกเธอตัดสินใจเลิกใช้ เพราะไม่อยากให้หน้าช้ำไปมากกว่านี้
ทั้งคู่บอกว่าความเจ็บปวดที่ทนมา หากได้ผลบ้างก็ยังถือว่าเจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดกรามทั้งบนล่างที่กำลังฮิตในหมู่หญิงสาวชาวเกาหลีใต้และจีน ซึ่งวิธีตัดกรามอาจต้องแบกรับความเสี่ยงของความเสียหายในระยะยาว
นอกจากนั้น ยังมีอุปกรณ์ช่วยให้จมูกเรียวแหลม ดูมีดั้งแบบชาวตะวันตก ราคาอันละ 2 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งก็ต้องใช้เวลากดและบีบวันละ 2-3 ชั่วโมง และจากการทดสอบและทนเจ็บก็ไม่เห็นผลลัพธ์แต่อย่างใด
สำหรับการทำตา 2 ชั้นแบบ DIY ก็มีแว่นที่ช่วยถ่างลูกตาให้ลืมไว้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องกะพริบบ่อยๆ ผู้ขายโฆษณาว่าถ้าใส่ไปนานๆ จะช่วยให้มีตา 2 ชั้นตามธรรมชาติโดยไม่ต้องศัลยกรรม ราคาตั้งแต่ 5-20 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งพวกเธอก็เคยลองซื้อมาทดลองแล้วเช่นกัน
พวกเธอยอมรับว่าอาจเกิดอันตรายจากอุปกรณ์เสริมความงามเหล่านี้ได้ แต่ไม่คิดว่าอันตรายนั้นจะมาเกิดกับพวกเธอ
เรื่องราวน่าตกใจยังไม่หมดแค่นี้ เพราะมีกรณีของหญิงสาวเกาหลีรายหนึ่งตัดสินใจฉีดน้ำมันพืชเข้าที่ใบหน้าตัวเอง แรกๆ หน้าก็ดูเต่งตึงดี แต่เดือนถัดมาเธอต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาน้ำมันและเลาะเนื้อเยื่อที่ตายออก น่าเสียดายที่ไม่สามารถทำให้ใบหน้ากลับมาเป็นเหมือนก่อนฉีดได้
ในมุมของ ดร.ฮอง จุง กอน ศัลยแพทย์จากคลินิก Metro Plastic Surgery ในกรุงโซล แนะนำว่า สาวๆ ที่ร่างกายยังเจริญเติบโตไม่เต็มที่ การทำตามเทรนด์ DIY อาจส่งผลร้ายมากกว่าผลดี
ดร.ฮองให้ข้อมูลว่า วัยรุ่นส่วนใหญ่มักมาที่คลินิกเพราะมีปัญหาติดเชื้อที่ดวงตา แต่ถือว่ามาหาหมอได้ทันท่วงที อาจเป็นเพราะเกิดกับดวงตา จึงไม่ปล่อยให้อักเสบรุนแรง ขณะที่วัยของคนไข้ที่เข้ามารับบริการศัลยกรรมส่วนต่างๆ ก็ลดลงเรื่อยๆ ปัจจุบัน คนไข้ส่วนใหญ่อยู่ในวัยเพิ่งขึ้นชั้นมัธยมปลายเท่านั้น และลูกค้าอายุ 12-13 ปีก็เริ่มเข้ามาปรึกษาเรื่องศัลยกรรมที่คลินิกแล้ว
ที่มา: globalpost.com