นับตั้งแต่เติ้ง เสี่ยวผิง ริเริ่มนโยบายเปิดประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบทุนนิยม จนทำให้จีนพ้นสภาพจากการเป็นมังกรนิทรา ผงาดขึ้นมาจนกลายเป็นชาติมหาอำนาจทั้งในแง่เศรษฐกิจ การพัฒนา และประชากร แต่ ณ ปัจจุบัน ผลกระทบจากเร่งพัฒนาประเทศอย่างบ้าคลั่งกำลังส่งผลต่อผู้คนในนครหลวงปักกิ่งโดยตรง นั่นคือ หมอกควันพิษ
มีรายงานจากระบบตรวจสอบสภาพอากาศซึ่งติดตั้งอยู่ในสถานทูตสหรัฐอเมริกาว่าขณะนี้เมืองหลวงของจีนกำลังเผชิญกับภัยหมอกควันพิษสีเทาปกคลุมทั่วน่านฟ้า ซึ่งหนาแน่นมากถึงขนาดทำให้สูญเสียทัศนวิสัยในระยะ 100 เมตร รัฐบาลกลางเตือนให้ผู้คนหลบอยู่แต่ในบ้าน สายการบินให้งดการบริการ และโรงงานอุตสาหกรรมอนุญาตให้ลูกจ้างสามารถลาหยุดงานได้
นอกจากในโลกแห่งความเป็นจริงจะเดือดร้อนแล้ว กระแสความเดือดดาลยังลามไปสู่โลกอินเทอร์เน็ตอีกด้วย ซึ่งพากันซักถามถึงประเด็นความโปร่งใสในการพัฒนาเศรษฐกิจที่รวดเร็ว แต่ขาดการควบคุมภาคเอกชนในประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตของชาวเมือง ทั้งนี้ประเด็นยังลุกลามไปถึงการที่รัฐบาลกลางพยายามปกปิดปัญหาอื่นๆ ด้วยการไม่แจ้งข้อมูลให้แก่ประชาชน
เจ้าหน้าที่รัฐบาลอธิบายว่าฝุ่นละอองในกรุงปักกิ่งนั้นมีขนาดเพียง 2.5 ไมครอน เล็กจิ๋วพอจะไหลลงปอดของมนุษย์ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด โรคหัวใจ การติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน ทั้งนี้ ความหนาแน่นของฝุ่นละอองในปักกิ่งอยู่ที่ 993 ไมโครกรัมต่อหนึ่งลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนดมาตรฐานที่ปลอดภัยเกือบ40 เท่า
ขณะที่ทางศิลปินและนักเคลื่อนไหวซึ่งถือเป็นคู่รักคู่ชังกับรัฐบาลอย่างอ้ายเว่ยเว่ย ได้โพสท์ข้อความแนะนำการเอาตัวรอดในปักกิ่งและเสียดสี พร้อมรูปขณะเขาสวมใส่หน้ากากกันแก๊สพิษ
ที่มา : commondreams.org