การบริหารสถานการณ์โควิด-19 ที่ล้มเหลวของรัฐบาล การจัดหาวัคซีนที่ล่าช้า การเยียวยาที่ไม่ทั่วถึง อีกทั้งผลกระทบทางเศรษฐกิจและปัญหาปากท้อง สร้างความไม่พอใจให้แก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนนำมาสู่การชุมนุมใหญ่อีกครั้ง โดยวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 มียอดผู้ติดเชื้อ 11,397 ราย และผู้เสียชีวิตพุ่งสูงถึง 101 ราย สร้างสถิติสูงสุด (new high) ของผู้เสียชีวิตเกินหลักร้อยอีกครั้ง นับตั้งแต่เกิดการระบาดระลอก 3
เวลาประมาณ 12.00 น. กลุ่มเยาวชนปลดแอกรวมตัวกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เตรียมเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้ชื่อกิจกรรม ‘ทวงคืนประเทศไทย ขับไล่ปรสิต’ โดยยืนยันตามข้อเรียกร้องเดิม 3 ประการของคณะราษฎร 2563 ได้แก่ 1) พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออก 2) แก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3) ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
เมื่อผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนมาถึงสะพานผ่านฟ้าลีลาศเพื่อมุ่งหน้าสู่ถนนราชดำเนินนอก ได้ถูกเจ้าหน้าที่วางแนวสกัดกั้นอย่างแน่นหนา และเมื่อประชาชนพยายามเข้ารื้อรั้วลวดหนาม จึงถูกเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำแรงดันสูงเข้าใส่เพื่อผลักดันผู้ชุมนุมให้ถอนร่นออกไป และมีการประกาศว่าจะใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางยิงสกัด ทำให้แกนนำประกาศให้ผู้ชุมนุมเปลี่ยนไปใช้เส้นทางถนนนครสวรรค์แทน
หลังเคลื่อนขบวนไปตามถนนนครสวรรค์ ผ่านแยกนางเลิ้ง เข้าสู่บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ก่อนถึงทำเนียบรัฐบาล สถานการณ์ตึงเครียดอีกครั้ง โดยเจ้าหน้าที่ระดมฉีดน้ำแรงดันสูงผสมแก๊สน้ำตาเข้าใส่ฝูงชนหลายระลอก ระหว่างนั้นมีเสียงดังคล้ายปืน และมีพลุควันปกคลุมทั่วบริเวณ มีรายงานด้วยว่าเจ้าหน้าที่ยิงกระสุนยางเข้าใส่ประชาชนจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย ทำให้ประชาชนต่างพากันตะโกน “รัฐบาลฆาตกรๆ”
กระทั่งเวลา 18.30 น. ที่บริเวณแยกนางเลิ้ง ผู้ชุมนุมปิดท้ายกิจกรรมด้วยการเผาหุ่นศพจำลองและเครื่องประหารกิโยติน พร้อมชูสามนิ้ว โบกธงไตรรงค์ และร่วมกันร้องเพลง ‘Do you hear the people sing’ ก่อนจะประกาศยุติชุมนุมในเวลาต่อมา และขอให้มวลชนติดตามการนัดหมายครั้งต่อไป