การชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 กันยายน 2563 คือข้อความทางการเมืองที่ผู้ร่วมชุมนุมได้ทำให้เกิดการ ‘หวนกลับ’ ไปทบทวนเหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 รวมถึงโครงสร้างทางการเมืองไทย
การชุมนุมเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2563 กระทั่งช่วง ‘ย่ำรุ่ง’ ของวันที่ 20 กันยายน 2563 ก็ทำให้การชุมนุมใหญ่ครั้งนี้หมุนเข็มนาฬิกากลับไปทบทวนประวัติศาสตร์ เพื่อยื่นข้อเสนอกับปัจจุบัน ถึงความฝันที่จะอยู่ร่วมระหว่างสังคมไทยกับสถาบันพระมหากษัติรย์ในเวลาของอนาคต
พวกเขายื่นจดหมายเปิดผนึกที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ผ่าน พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นการยุติการชุมนุมใหญ่ที่ยาวนานเกือบ 24 ชั่วโมงเต็ม
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/EiUZidAXkAIYZbc-1.jpg)
19 กันยายน 2563: วันไม่มีแสงแดด สายฝนไม่อาจหยุดผู้คน
ราว 12.07 นาฬิกา เมื่อประตูมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ฝั่งสนามหลวงได้ถูกเปิดออก ประชาชนทยอยเข้าไปภายในมหาวิทยาลัยอย่างต่อเนื่อง
ประชาชนทยอยกันเข้าร่วมชุมนุมกันอย่างคึกคัก ฟ้ามืด ฝนพรำตลอดทั้งวัน แต่การปราศรัยบนเวทีกลางสนามฟุตบอลก็ยังมีผู้ปักหลักนั่งฟังอย่างต่อเนื่อง
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/41451.jpg)
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/IMG_8110.jpg)
อีกมุมหนึ่งของกลุ่มคน ผู้ร่วมชุมนุมจากมหาสารคามมาในชุดปลดแอกประเทศไทย เสื้อและกางเกงสีดำถูกเชือกพันธนาการอยู่ที่แข้งขาทั้งสองข้าง คอและสองบ่าถูกแอกคุมบังคับ พวกเขาหวังว่าการเข้ามาร่วมชุมนุมครั้งนี้จะช่วยปลดแอกผู้คนจากจากการถูกกดขี่อย่างยาวนานได้เสียที
ประยุทธ์ลาออกและคืนอำนาจให้ประชาชน เราทนไม่ไหวแล้วกับการถูกกดขี่ข่มเหงและความอยุติธรรมทั้งหลาย
นี่คือข้อเรียกร้องของกลุ่มศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยรามคำแหงมาในชุดนักรบพ่อขุนรามฯ สวมเสื้อสีแดงห้อยหลวงพ่อกระทิงแดงไว้ที่คอ พวกเขายืนยันจะปักหลักอยู่กับนักศึกษาจนจบ แม้การชุมนุมครั้งนี้จะยาวไปถึงช่วงเย็นของวันที่ 20 กันยายน
เปลี่ยน ‘สนามหลวง’ เป็น ‘สนามราษฎร’
เวลาประมาณ 14.30 น. จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ‘ไผ่ ดาวดิน’ นำมวลชนเข้าพื้นที่สนามหลวง อย่างไรก็ตาม เวลาประมาณ 15.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศว่า เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ไม่ได้ขออนุญาตการชุมนุมมาก่อน ซึ่งต้องแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 24 ชม. เจ้าหน้าที่จึงให้ยกเลิกการชุมนุมภายใน 1 ชั่วโมงนับตั้งแต่การประกาศ
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/VS0A4239-2.jpg)
แต่กลุ่มผู้ชุมนุมดันแผงเหล็กทำให้ตำรวจต้องถอยร่นจากแนวเดิมประมาณ 500 เมตร ไปตั้งแนวแผงเหล็กและใช้รถน้ำเกือบ 20 คันจอดต่อแถวขวางอีกชั้นกันก่อนถึงกำแพงวัดพระแก้วประมาณ 150 เมตร ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม
หลังจากเข้าในสนามหลวงได้แล้ว มวลชนได้เพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อยๆ จนเต็มพื้นที่ครึ่งหนึ่งของสนามหลวงที่เป็นพื้นปูนหรือ ‘พื้นที่แข็ง’ ซึ่งทาง กทม. ได้จัดให้เป็นพื้นที่ที่ประชาชนเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ระหว่างเวลา 05.00-22.00 น. แต่ห้ามจัดกิจกรรมทางการเมือง
ขณะที่อีกฝั่งหนึ่งซึ่งเป็นสนามหญ้า ได้มีเจ้าหน้าที่ตั้งแถวพร้อมเหล็กกั้น และมีป้ายข้อความติดไว้ว่า ‘ระยะ 150 เมตร เขตห้ามชุมนุม ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ’ ซึ่งกำหนดไว้ว่าห้ามชุมนุมในระยะ 150 เมตรจากเขตพระราชฐาน
16.00 น. ประชาชนเริ่มปักหลักชุมนุมที่สนามหลวง
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/DSC01167-1.jpg)
มวลชนทยอยเข้ามาในพื้นที่มากขึ้นเรื่อยๆ ธงสีแดง ธงสีรุ้ง ธงชาติไทย ธงชาติเยอรมนี และร่มหลากสีสันกลางท้องสนามหลวง ขณะนี้รถเครื่องขยายเสียงปักหลักแล้ว ผู้ชุมนุมยังคงทยอยสมทบ
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/VS0A4399.jpg)
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/DSC01225.jpg)
ตลอดแนวถนนราชดำเนินใน ตั้งแต่บริเวณศาลพระแม่ธรณีบีบมวยผมไปจนถึงหน้าศาลฎีกา ถูกเนรมิตให้กลายเป็นถนนสายกิจกรรม มีการตั้งเต็นท์ของกลุ่มต่างๆ ที่ออกมาส่งเสียงเรียกร้องถึงความไม่เป็นธรรมในสังคม และนำเสนอประเด็นที่ต้องการให้มีการแก้ไขผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบ
สิ่งที่เราสามารถพบเห็นก็คือว่าว ว่าวลอยว่อนบนฟ้าเหนือสนามหลวง ประชาชนหลายคนสาวด้ายในมือ สายตาจดจ้องไปที่ว่าวบนฟ้า สายลมเย็นโชยมาเป็นระยะ หลายคนหวนคิดถึงสนามหลวงในอดีต
การรวมตัวของนิสิตนักศึกษาหลากหลายสถาบัน ในนามกลุ่ม Autonomia มีการจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำว่าว ให้ประชาชนมาร่วมวาดภาพระบายสีและเขียนความในใจเพื่อ ‘ส่งข้อความส่งถึงคนบนฟ้า’
สมาชิกกลุ่ม Autonomia รายหนึ่ง เล่าว่า หลายปีก่อนพื้นที่สนามหลวงได้มีการปิดปรับปรุง แต่หลังจากนั้นก็ไม่อนุญาตให้ประชาชนเข้าไปใช้ประโยชน์อีกเลย แม้กระทั่งเทศกาลว่าวที่เคยจัดขึ้นในท้องสนามหลวงก็ไม่สามารถจัดได้อีก
“เราอยากให้สนามหลวงกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เพราะเงินที่ใช้ในการทำนุบำรุงสนามหลวงก็มาจากภาษีประชาชน ต้องคืนสนามหลวงให้ประชาชน เราจึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมกันส่งข้อความถึงคนบนฟ้า”
กลุ่ม iLaw หรือโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน จัดกิจกรรม ‘ร่วมรื้อ-ร่วมร่าง-ร่วมสร้างรัฐธรรมนูญ’ มีการตั้งโต๊ะเชิญชวนประชาชนให้มาร่วมลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยค่ำคืนนั้นสามารถรวบรวมรายชื่อได้ทั้งสิ้นเกือบ 1 แสนรายชื่อ พร้อมนัดหมายประชาชนร่วมเดินเท้าจากสถานีรถไฟฟ้า MRT เตาปูน ไปยังรัฐสภา ในวันที่ 22 กันยายน เวลา 13.00 น. เพื่อนำรายชื่อทั้งหมดยื่นต่อรัฐสภาก่อนที่จะมีการประชุมวาระพิจารณาเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันที่ 23-24 กันยายนนี้
กลุ่มประชาชนผู้เรียกร้องเสรีภาพในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นำโดยเครือข่ายสุราปลดแอก กลุ่มประชาชนเบียร์ และกลุ่มผู้ผลิตคราฟท์เบียร์ จัดกิจกรรมตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 โดยเฉพาะมาตรา 32 ที่ระบุว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อหรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม”
“การจำกัดสิทธิไม่ให้คนพูดถึงสิ่งที่ตัวเองดื่มกินถือเป็นเรื่องที่แปลกมาก มาตรา 32 เป็นการจำกัดสิทธิทั้งคนดื่มและคนผลิต เพียงแค่เราพูดว่ากินเบียร์ยี่ห้ออะไร อร่อยอย่างไร แค่นี้ก็ถูกปรับ 5 หมื่นแล้ว
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/IMG_7527-2.jpg)
“ทุกวันนี้คนไทยเหมือนถูกครอบด้วยรัฐศาสนา กฎหมายที่บังคับใช้อยู่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย คนดื่มเหล้าดื่มเบียร์ถูกผลักให้กลายเป็นคนชั่วคนบาป ทั้งที่ภาษีเหล้าเบียร์ก็ถูกเอาไปใช้พัฒนาประเทศ” ธนากร ท้วมเสงี่ยม กลุ่มประชาชนเบียร์ กล่าว
พวกเขาเชื่อมั่นว่า เสรีภาพในการดื่ม การผลิต คือหนึ่งในประเด็นพื้นฐานของความเป็นประชาธิปไตย ทุกวันนี้ประชาชนยังคงไร้สิทธิ ไร้ทางเลือกในการดื่ม ตรงกันข้ามกลับถูกกดทับไม่ให้เกิดพลังและความคิดสร้างสรรค์ จนกระทั่งสูญเสียวัฒนธรรมในการดื่มและการสร้างสรรค์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/IMG_8673.jpg)
กิจกรรมของกลุ่ม ‘สหภาพร้อยเอ็ดปลดแอก’ ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของเด็กและเยาวชนระดับมัธยมต้น-มัธยมปลาย มีการจัดทำแผ่นป้ายไวนีลขนาดใหญ่ บนแผ่นป้ายคือใบหน้าของผู้นำคณะรัฐประหารและนักการเมืองที่รับใช้อำนาจเผด็จการ พร้อมประกาศเชิญชวนประชาชนมาร่วมกิจกรรมปาสีใส่ใบหน้าของบุคคลที่ปรากฏเหล่านี้
หนึ่งในเยาวชนตัวแทนกลุ่มสหภาพร้อยเอ็ดปลดแอก ระบุว่า กิจกรรมที่จัดขึ้นนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่า การปาสีไม่ใช่ความรุนแรง แต่เป็นการแสดงออกโดยสันติ ซึ่งเทียบไม่ได้กับสิ่งที่รัฐกระทำต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการข่มขู่คุกคาม จับกุมคุมขัง และตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม
“เราไม่มีอาวุธ มีแต่กระป๋องสีกับไมโครโฟน ขณะที่รัฐมีอำนาจ และใช้อำนาจนั้นยัดคดีให้ใครก็ได้ตามอำเภอใจ” เยาวชนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 กล่าว
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/IMG_7359.jpg)
ธงสีรุ้งโบกสะบัดอยู่หน้าซุ้มกิจกรรมบริเวณด้านหน้าศาลฎีกา โดยกลุ่มผู้หญิงปลดแอกและภาคีเครือข่าย ที่มีข้อเรียกร้องในประเด็นสิทธิเท่าเทียมทางเพศในมิติต่างๆ อาทิ การเรียกร้องสู่ความเป็นธรรมทางเพศ ผู้มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มชาติพันธ์ุ และพนักงานบริการทางเพศ (sex woker)
โดยตัวแทนกลุ่มระบุว่า ประเด็นดังกล่าวจำเป็นต้องแก้ไขที่รากฐานเชิงโครงสร้าง โดยเชื่อว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเปิดช่องให้ผู้ที่เข้าใจเรื่องสิทธิความเท่าเทียมทางเพศได้มีโอกาสได้รับเลือกเข้ามาเพื่อมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบาย รวมถึงประเด็นการร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาเพื่อนำไปสู่การแก้ไขในมาตรา 301 ซึ่งมีเนื้อหาหลักเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์แบบปลอดภัยในผู้หญิง
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/119950679_1509586102564972_4510962441391456675_n.jpg)
อาภรณ์สีแดงภายใต้หน้ากากเหล่านั้น คือการหยิบยืมคาแรคเตอร์จากซีรีส์ Money Heist หรือ La Casa de Papel ผู้ชุมนุมเหล่านี้บอกว่า เขาไม่ได้มาปล้นธนาคาร แต่มาทวงคืนความอยุติธรรมกลับคืนมา
จาก ‘ค่ำคืน’ สู่ ‘ย่ำรุ่ง’
กิจกรรมบนเวทีสนามหลวงในช่วงเย็นถึงหัวค่ำ บรรดาผู้ปราศรัยได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นเวที ผู้ชุมนุมปักหลักค้างคืนที่สนามหลวง แกนนำผลัดกันขึ้นปราศรัยจนถึงเวลาประมาณ 03.00 น. และประกาศ “ฝังหมุดคณะราษฎรครั้งที่ 2” เวลาย่ำรุ่งของวันที่ 20 กันยายน
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/IMG_9655-1197x900.jpg)
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/IMG_0334.jpg)
ประชาชนบางส่วนเริ่มจับจองพื้นที่ภายในสนามหลวง และใต้ชายคาในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อนอนพักผ่อน ในขณะที่การปราศรัยและการแสดงบนเวทียังดำเนินต่อไป
ไม่มีใครรู้ว่า ถ้าการเมืองดี ราษฎรจะนอนหลับฝันดีหรือไม่
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/IMG_7824.jpg)
หมุดคณะราษฎร 2563
6.00 น. วันที่ 20 กันยายน แกนนำผู้ชุมนุมเริ่มประกาศปลุกมวลชน เพื่อร่วมฝังหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ณ ท้องสนามหลวง ส่วนบริเวณที่จะมีการฝังหมุดนั้นอยู่หน้าเวทีปราศรัย ซึ่งขณะนี้มีสื่อมวลชนจำนวนมากรอบันทึกภาพ
วันที่ 20 กันยายน 2563 | Sep 20, 2020 เวลาย่ำรุ่ง ณ ที่นี้ ผองราษฎรได้แสดงเจตนารมณ์ ประเทศนี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่สมบัติของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง
ข้อความใน หมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ซึ่งถูกฝังไว้กลางสนามหลวง ซึ่งบัดนี้ผู้ชุมนุมเรียกว่า “สนามราษฎร”
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/119648041_10157279568521456_4479962636758900224_o.jpg)
หมุดทองเหลืองเส้นผ่านศูนย์กลาง 11.6 นิ้ว พื้นที่ตรงกลางคือสัญลักษณ์มือที่ชู 3 นิ้ว ข้อความโดยรอบระบุว่า ‘วันที่ 20 กันยายน 2563 | Sep 20, 2020 เวลาย่ำรุ่ง ณ ที่นี้ ผองราษฎรได้แสดงเจตนารมณ์ ประเทศนี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่สมบัติของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง’
นี่คือการเริ่มต้นกิจกรรมวันใหม่ของแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ด้วยการฝังหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 บริเวณหน้าเวทีปราศรัย กลางท้องสนามหลวง ซึ่งบัดนี้ผู้ชุมนุมเรียกที่นี่ว่า ‘สนามราษฎร’
จดหมายเปิดผนึกว่าด้วยข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/IMG_5217.jpg)
หลังจากนั้น แกนนำประกาศนำมวลชนเคลื่อนออกจากสนามหลวง มุ่งหน้าทำเนียบองคมนตรี พร้อมเรียกร้องให้ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ออกมารับหนังสือจากผู้ชุมนุม
หลังจากเคารพธงชาติเสร็จ ขบวนผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวนสู่ศาลฎีกา โดยส่งตัวแทนคือ รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล และผู้ติดตามเพื่อยื่นหนังสือแก่ประธานองคมนตรี
8.40 น. ผู้ชุมนุมปรบมือต้อนรับแก่ตัวแทนองคมนตรี ที่ออกมารับหนังสือ โดยมีเนื้อหาเรื่องข้อเสนอการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์สิบข้อ ขณะที่ขบวนผู้ชุมนุมยังนั่งอย่างสงบอยู่หน้าศาลฎีกา
9.00 น. อานนท์ นำภา ประกาศบนรถปราศรัยว่าเมื่อยื่นหนังสือเสร็จจะสลายการชุมนุมอย่างสงบ ขอให้พี่น้องสื่อมวลชนบันทึกภาพประวัติศาสตร์นี้ว่า การต่อสู้ครั้งนี้เป็นการต่อสู้ด้วยเหตุด้วยผล ตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว ในระหว่างรอการเจรจา ผู้ชุมนุมหยุดขบวนที่หน้าศาลฎีกา เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ นำผู้ชุมนุมร้องเพลงเพื่อมวลชน ขณะรอผลการเจรจา
9.10 น. การยื่นหนังสือสำเร็จเรียบร้อย รุ้งกลับขึ้นรถปราศรัย เล่าเหตุการณ์การยื่นหนังสือข้อเสนอของผู้ชุมนุมถึงตัวแทนตำรวจราชองครักษ์ โดยตำรวจรับปากว่าจะดำเนินการให้ รุ้งกล่าวว่าจะติดตามความคืบหน้าต่อไป และกล่าวขอบคุณประชาชนทุกคนที่ร่วมต่อสู้
แกนนำประกาศยุติการชุมนุม พร้อมนัดชุมนุมอีกครั้ง 24 กันยายน 2563 ที่รัฐสภา (เกียกกาย) เพื่อติดตามการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
![](https://waymagazine.org/wp-content/uploads/2020/09/DSC01203.jpg)