แปลและเรียบเรียง : ณัฐกานต์ อมาตยกุล
Project Censored – โครงการวิจัยทางด้านสื่อมวลชนของมหาวิทยาลัยโซโนมาสเตท สหรัฐอเมริกา มีเป้าหมายเพื่อให้ความรู้แก่นักศึกษาและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับบทบาทของสื่อมวลชนอิสระในสังคมประชาธิปไตย รวมทั้งวิพากษ์วิจารณ์การปิดกั้นข่าวและเซ็นเซอร์ตัวเองของสื่อมวลชนกระแสหลักของสหรัฐ โครงการนี้คอยติดตามข่าวที่ตีพิมพ์หรือเผยแพร่ในสื่อต่างๆ ทั้งกระแสหลักและอิสระ จากนั้นจะคัดข่าวจำนวน 25 ข่าวประจำปี ที่โครงการเห็นว่ามีความสำคัญ แต่กลับถูกสื่อกระแสหลักมองข้าม
กระบวนการคัดสรรข่าวเริ่มจากเปิดให้นักหนังสือพิมพ์ นักวิชาการ บรรณารักษ์และประชาชนทั่วโลก เสนอข่าวที่คิดว่ามีความสำคัญเข้ามา ซึ่งมีประมาณ 700-1,000 ข่าวต่อปี จากนั้น คณาจารย์ นักศึกษาและสมาชิกในชุมชนมหาวิทยาลัยกว่า 200 คน จะร่วมมือกันทำวิจัยทั้งหัวข้อข่าว เนื้อหา ความน่าเชื่อถือของข้อมูลและความสำคัญของข่าวนั้นๆ จนคัดกรองเหลือ 25 ข่าวที่เห็นว่าสำคัญที่สุด ส่งต่อไปให้คณะผู้ตัดสินของโครงการลงคะแนนจัดอันดับ
และ 25 ข่าวที่ไม่เป็นข่าวของปี 2013 มีดังนี้
1. สิทธิในการกักขังผู้บริสุทธิ์
นับตั้งแต่มีการออกกฎหมาย PATRIOT Act ในปี 2011 ทางการสหรัฐก็เข้มงวดกับการสอดส่องและจัดกำลังคุมเข้มพื้นที่มากขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับระดับเสรีภาพของพลเมือง ในปี 2012 ก็ได้มีการออกกฎหมาย National Defense Authorization Act (NDAA) เป็นการให้สิทธิกับเจ้าหน้าที่ทหารสามารถกักขังพลเมืองสหรัฐคนใดก็ตาม อย่างไม่มีกำหนด และไม่มีการพิจารณาคดี หากรัฐระบุว่าเขาเหล่านั้นเป็นผู้ก่อการร้ายหรือมีส่วนสนับสนุนการก่อการร้าย
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ก็ได้ลงนามในรัฐกำหนด (Executive Order) ชื่อ National Defense Resources Preparedness ซึ่งขยายอำนาจการควบคุมของรัฐและทหารไปครอบคลุมเศรษฐกิจและทรัพยากรของชาติทั้งในภาวะฉุกเฉินและภาวะปกติ นับตั้งแต่ปี 2010 โครงการรณรงค์ที่ชื่อว่า If You See Something, Say Something™ (พบเห็นอะไร จงบอกเรา) ที่จัดโดยกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (Department of Homeland Security: DHS) ได้กระตุ้นให้สาธารณชนช่วยกันรายงานการกระทำที่น่าสงสัยต่างๆ ต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ถึงแม้ว่าการกระทำที่ ‘น่าสงสัย’ ตามการนิยามของ DHS นั้นจะหมายรวมเอาการกระทำที่เกี่ยวเนื่องกับสิทธิในการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลหรือการเข้าร่วมชุมนุมประท้วงอย่างสงบ ตามที่รัฐธรรมนูญได้ตราขึ้นปกป้องเอาไว้
2. หายนะของมหาสมุทร
เรามักคิดกันว่ามหาสมุทรนั้นกว้างใหญ่ไม่สิ้นสุดและเป็นแหล่งทรัพยากรที่ไม่มีวันใช้ได้หมด แต่ความจริงกลับไม่เป็นเช่นนั้น เหล่านักนักวิทยาศาสตร์จากโครงการวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและระบบนิเวศทางทะเลแห่งยุโรปได้ให้ข้อมูลว่า ในภาพรวมแล้ว อุณหภูมิของท้องทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายในทะเลครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงเวลา 2-3 ล้านปีมานี้ เช่น ห่วงโซ่อาหารที่ถูกทำลาย นำไปสู่การสูญพันธ์ของสัตว์น้ำบางชนิด
การวิจัยในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 ได้ศึกษาระบบนิเวศในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทั้งที่ได้รับการคุ้มครอง 14 แห่ง และไม่ได้รับการคุ้มครองอีก 18 แห่ง พบว่าทะเลที่เคยอุดมสมบูรณ์มากแห่งนี้ ทรัพยากรกำลังร่อยหรอลงไปอย่างรวดเร็ว กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากนานาชาติได้ทำการวิจัยเป็นเวลายาวนานกว่า 3 ปีแล้วพบว่าในเขตพื้นที่อนุรักษ์จะพบประชากรปลาหนาแน่นกว่าพื้นที่อื่นที่ไม่ได้รับการปกป้องมากถึง 5-10 เท่า รายงานดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ชี้ให้เห็นความสำคัญที่จะต้องมีการอนุรักษ์และคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลอย่างจริงจัง
3. ผลกระทบนิวเคลียร์ฟุกุชิมาร้ายแรงเกินคาด
หลักฐานที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จากแหล่งข่าวอิสระได้ชี้ให้เห็นว่าผลกระทบในทางลบจากเหตุการณ์ภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะไดอิชิ ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2011 มีความร้ายแรงกว่าที่เข้าใจกันมากมายนัก รายงานที่ตีพิมพ์ใน International Journal of Health Services เมื่อเดือนธันวาคม 2011 บ่งบอกว่าการที่มีผู้เสียชีวิตกว่า 14,000 รายในสหรัฐอเมริกาในเวลา 14 สัปดาห์หลังเกิดเหตุมีส่วนเชื่อมโยงโดยตรงกับฝุ่นผงกัมมันตรังสีจากญี่ปุ่นที่พัดมาถึงชายฝั่งสหรัฐ และปนเปื้อนไปในแหล่งน้ำ และอากาศ
ขณะเดียวกันนั้น โครงข่ายตรวจจับกัมมันตรังสี (Radiation-Detection Network: RadNet) ของสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อมสหรัฐก็กำลังประสบปัญหาการทำงาน เนื่องจากขาดการบำรุงรักษาที่ดีและการตรวจสอบอุปกรณ์ที่ผ่านมาเป็นไปอย่างไม่รัดกุมนัก
4. เอฟบีไอพัวพันแผนก่อการร้ายส่วนใหญ่ในสหรัฐ
สำนักงานสืบสวนกลางแห่งสหรัฐอเมริกาได้ใช้วิธีการพิเศษในการป้องกันเหตุก่อการร้ายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตภายในประเทศ พวกเขาจัดตั้งเครือข่ายสายลับจำนวนเกือบ 15,000 คนแทรกซึมลงไปในชุมชนต่าง ๆ เพื่อเข้าไปสืบหาเบาะแสการวางแผนก่อการร้าย อย่างไรก็ตาม กลายเป็นว่าสายลับเหล่านี้คอยให้การสนับสนุนผู้คนให้ก่อเหตุอาชญากรรมขึ้น เนื่องจากเมื่อพวกเขารายงานเบาะแสในแต่ละกรณี สายหลับเหล่านี้จะได้รางวัล 100,000 ดอลลาร์หรือเกือบ 3 ล้านบาท เป็นการตอบแทน
5. ธนาคารกลางสหรัฐเผยตัวเลขเงินกู้ล้านล้านแก่ธนาคารใหญ่ ๆ
ผู้สอบบัญชีธนาคารกลางสหรัฐได้เปิดเผยว่าในภาวะที่เกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินโลกสูงสุดระหว่างปี 2007 ถึงปี 2010 เงินจำนวน 16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐได้ถูกส่งจากธนาคารกลางเพื่อไปช่วยพยุงธนาคารใหญ่ในอเมริกาและยุโรปอย่างลับๆ จากข้อมูลที่รวบรวมโดยอาศัยสิทธิตามกฎหมายเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูล การร้องขอในชั้นศาล และพระราชบัญญัติ ได้เผยว่าในบรรดาธนาคารเหล่านี้ ธนาคารมอร์แกนสแตนเลย์รับไปถึง 107.3 พันล้าน ธนาคารเครือซิตี้กรุ๊ปได้รับ 99.5 พันล้าน และธนาคารแห่งอเมริกาได้รับ 91.4 พันล้านดอลลาร์
(ติดตามข่าว 6-10 ได้ในวันถัดไป)
*********************************************
(ที่มา : projectcensored.org)