18 กันยายน 2021 เกิดเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงต่อต้านการล็อคดาวน์ในหลายพื้นที่ของเมลเบิร์น ออสเตรเลีย เจ้าหน้าที่ใช้สเปรย์พริกไทยสกัดกลุ่มผู้ประท้วงกว่า 4,000 ชีวิตที่ฝ่าเข้ามาในแนวของตำรวจ มีผู้ถูกจับกุมกว่า 200 คน และมีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 7 คน ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในซิดนีย์ใช้เจ้าหน้าที่กว่า 1,000 คน สลายกลุ่มผู้ประท้วงและจับกุม 32 คน ในบริสเบน เมืองหลวงของรัฐควีนส์แลนด์ ผู้ประท้วงมากกว่า 2,000 คน รวมตัวกันเพื่อเดินขบวนประท้วงอย่างสันติ
นอกจากถูกสลายการชุมนุมแล้ว ผู้ถูกจับกุมต้องเสียค่าปรับ 5,452 ดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 131,000 บาท) ข้อหาฝ่าฝืนมาตรการป้องกันโควิด-19 ในจำนวนนี้มี 3 ราย ถูกปรับด้วยข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งบาดเจ็บจากการปะทะกับกลุ่มผู้ประท้วง ตำรวจกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มีเจ้าหน้าที่หลายนายถูกจับกระแทกลงกับพื้นและกระทืบซ้ำ อีกทั้งยังมีภาพที่เผยแพร่เหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏบนสื่อด้วย
มาล แลนยอน (Mal Lanyon) รองผู้บัญชาการตำรวจนิวเซาท์เวลส์ เล่าว่า ตำรวจนายหนึ่งได้รับบาดเจ็บหลังจากถูกผู้ชุมนุมลากไปที่ถนน เจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุมผู้ชุมนุมได้ 47 ราย เขามองว่าการกระทำของกลุ่มผู้ประท้วงนั้นสมควรถูกตำหนิ ส่วนการตอบโต้ของตำรวจนั้นไม่ใช่การจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ทำไปเพื่อหยุดการระบาดของโควิด-19 ต่างหาก
เช่นเดียวกับ มาร์ค แกลลิออต (Mark Galliott) ผู้บัญชาการตำรวจวิคตอเรียกล่าวกับสื่อว่า “สิ่งที่เราเห็นวันนี้คือกลุ่มผู้ประท้วงไม่ได้รวมตัวกันประท้วงเพื่อเสรีภาพ แต่เพื่อก่อความรุนแรงและปะทะกับตำรวจ”
ขณะที่นักข่าวจาก The Sydney Morning Herald รายงานว่า มีผู้เข้าร่วมชุมนุมอย่างสงบอยู่บางส่วนเช่นกัน แต่โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ชุมนุมที่ก่อความรุนแรง เจ้าหน้าที่จึงไม่มีทางเลือก นอกจากการใช้ยุทธวิธีทั้งหมดเพื่อยับยั้งผู้ประท้วง
มาตรการล็อคดาวน์ทำให้ตำรวจต้องตั้งด่านยานพาหนะกว่า 38,000 คันที่กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่กลางเมือง เพื่อตรวจสอบและมีการจ่ายใบสั่ง 260 ใบ ให้กับผู้ที่เดินทางข้ามรัฐซึ่งเข้าข่ายละเมิดมาตรการล็อคดาวน์ อีกทั้งขนส่งสาธารณะก็ถูกระงับด้วยเช่นกัน
การประท้วงเกิดขึ้นหลังจากมีการขยายเวลามาตรการล็อคดาวน์ในซิดนีย์ไปจนถึงสิ้นเดือนกันยายน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังประกาศเคอร์ฟิวกับประชาชน 2 ล้านคน โดยเฉพาะในเขตชานเมืองที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด ทำให้ประชาชนในซิดนีย์ต้องอยู่ภายใต้เคอร์ฟิวตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์โควิดในภาพรวมยังคงมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำนักข่าว DW News รายงานว่าสาเหตุของการประท้วงครั้งนี้ เกิดจากความไม่พอใจต่อมาตรการบังคับฉีดวัคซีนแก่คนงานก่อสร้าง โดยพวกเขาจะต้องได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม ภายในสุดสัปดาห์นี้
ผู้ประท้วงคนหนึ่งกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “เพื่อนของผมฉีดวัคซีนเข็มแรกแล้วและสบายดี ซึ่งก็เป็นทางเลือกของเขา ในขณะเดียวกันเขาก็สนับสนุนทางเลือกของผมด้วย เราสนับสนุนทางเลือกของกันและกัน สิ่งสำคัญที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้ก็คือ สิทธิในการเลือก”
เจ้าหน้าที่รัฐกล่าวว่า คนงานก่อสร้างทำให้เชื้อโควิดแพร่กระจาย เพราะพวกเขาเดินทางไปทั่วพื้นที่ โดยภาครัฐมีแผนที่จะผ่อนปรนมาตรการปิดไซต์ก่อสร้างที่ผ่านมาแล้ว 14 วัน หลังประชาชน 70 เปอร์เซ็นต์ได้รับวัคซีนแล้ว ซึ่งคาดการณ์ว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 เดือน
ในขณะที่นครซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ มีสถิติผู้ติดเชื้อรายใหม่ 825 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่สูงที่สุดภายในเวลาเพียง 1 วัน จากทุกพื้นที่ของออสเตรเลีย นักวิจารณ์มองว่าการประกาศเคอร์ฟิวไม่ใช่วิธีควบคุมการระบาดของไวรัสที่มีประสิทธิภาพ ส่วนนักกฎหมายในรัฐนิวเซาท์เวลส์ก็ได้วิจารณ์การบังคับใช้มาตรการอย่างเข้มงวดของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทางตะวันตกและชานเมืองตะวันตกเฉียงใต้ของซิดนีย์เช่นกัน
ทั้งนี้ สํานักข่าว Aljazeera รายงานว่า ชาวออสเตรเลียส่วนใหญ่สนับสนุนการฉีดวัคซีนและปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุข โดยสามารถควบคุมยอดผู้ติดเชื้อไว้ได้ในในระดับต่ำ ส่วนจำนวนผู้ป่วยรวมกว่า 85,000 ราย และเสียชีวิต 1,145 ราย ตั้งแต่เริ่มต้นระบาด ซึ่งถือว่าน้อยกว่าหลายประเทศ แต่ก็มีการประท้วงต่อต้านการจัดการโรคระบาดเป็นระยะๆ และรุนแรงในบางครั้งเช่นกัน
ที่มา
- Covid: Australian police clash with anti-lockdown protesters
- Hundreds arrested in Australian anti-lockdown protests
- Anti-lockdown protests in Australia turn violent
Author
