92,153 ต่อ 46,656
บอริส จอห์นสัน มีชัยเหนือคู่แข่งในการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยม (หรือพรรค Tory) และเตรียมก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของสหราชอาณาจักร หลังจากเอาชนะ เจเรมี ฮันท์ ด้วยคะแนน 92,153 ต่อ 46,656 ถือเป็นชัยชนะขาดลอย ทำให้อดีตนายกเทศมนตรีแห่งกรุงลอนดอนเตรียมขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่างลงหลังการประกาศลาออกของเทเรซา เมย์
“พาประเทศเดินหน้า Brexit รวมกันเป็นหนึ่ง และมีชัยเหนือเจเรมี คอร์บีน”
สุนทรพจน์ของเขาในครั้งนี้จัดขึ้นที่ควีนเอลิซาเบธเซ็นเตอร์ ในกรุงลอนดอน นอกจากกล่าวถึงเจเรมี คอร์บีน หัวหน้าพรรคแรงงาน ซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของบอริส จอห์นสันในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า (หากเขายังคงอยู่ในตำแหน่งจนหมดวาระ) บอริส จอห์นสัน ยังกล่าวต่อไปอีกว่า “พวกเราจะต้องเป็นพลังให้กับประเทศ”
บอริส จอห์นสัน สัญญากับประชาชนว่า กำหนดการ Brexit ที่จะมีขึ้นในวันที่ 31 ตุลาคม ต้องสำเร็จลุล่วงและสามารถสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับประเทศ โดยหวังว่าประชาชนทั้งหมดจะต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ฝั่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ เจเรมี ฮันท์ คู่ชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพรรคอนุรักษนิยม ได้กล่าวว่า เขาผิดหวังกับผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ แต่ก็เชื่อว่านายบอร์ริส จอห์นสัน จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม
“มันเหมือนการเข็นครกขึ้นภูเขาเพราะว่าผมเองก็เป็นคนที่ Vote Remain (การโหวตให้อังกฤษเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปต่อไป) และคิดว่าสมาชิกส่วนมากของพรรคคิดเหมือนกัน ในช่วงเวลานี้เราอาจจะต้องการคนที่โหวต Brexit ในประชามติมากกว่าก็ได้ เพราะที่ผ่านมามันก็มีอุปสรรคที่เราไม่สามารถข้ามผ่านมันได้เลย”
บริเทน ทรัมป์
“จอห์นสันน่ะเป็นผู้ชายที่ดีมากๆ เลยล่ะ เหมาะที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของอังกฤษที่สุด และเขาน่าจะจัดการมันได้” โดนัลด์ ทรัมป์ แสดงความคิดเห็นที่งานในกรุงวอชิงตัน และไม่ลืมจะเอ่ยถึงนัยสำคัญของการขึ้นมาของบอริส จอห์นสัน และการออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร
“ผมชอบนะ บริเทน ทรัมป์” ทรัมป์กล่าวปิดท้ายถึงชื่อเรียกที่คนเรียกบอริส จอห์นสัน ว่า ‘บริเทน ทรัมป์’ เพื่อเป็นการล้อเลียนความหมายบางประการระหว่างคนทั้งสอง
สมาชิกพรรคกว่า 160,000 คนของพรรคอนุรักษนิยมที่มีสิทธิในการเลือกหัวหน้าพรรคออกมาใช้สิทธิลงคะแนนกว่า 87.4 เปอร์เซ็นต์ สัดส่วนที่เลือกนายจอห์นสันคิดเป็น 66.4 เปอร์เซ็นต์ น้อยกว่าที่นายเดวิด คาเมรอน อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคคอนเซอร์เวทีฟทำได้ 67.6 เปอร์เซ็นต์
บอริส จอห์นสัน เตรียมที่จะประกาศคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของเขาในวันพุธนี้ และเป็นที่ยืนยันแล้วว่า มาร์ค สเปนเซอร์ สส. จากเขตนอตติงแฮม (Nottinghamshire) จะขึ้นนั่งเป็นประธานวิปรัฐบาล และก็มี สส. จำนวนหนึ่งยืนยันว่าพวกเขาจะไม่รับหลักการของนายจอห์นสัน และเลือกที่จะยืนอยู่ขั้วตรงข้ามในกรณีของ Brexit
บอริส จอห์นสัน ให้สัญญาว่า ภายในวันที่ 31 ตุลาคม สหราชอาณาจักรต้องออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปให้ได้ หลักการ No-deal Brexit จะต้องเกิดขึ้น
ขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ แอนนา มิลตัน ได้ทวีตข้อความยืนยันการลาออกของเธอครึ่งชั่วโมงก่อนผลการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคจะได้รับการเปิดเผย เธอกล่าวว่า สหราชอาณาจักรจะต้องออกจากสหภาพยุโรปอย่างมีมารยาทและความรับผิดชอบ
ขณะเดียวกัน เลขาธิการกรมการพัฒนาระหว่างประเทศ รอรี สจวร์ต ก็ได้ออกมายืนยันว่า จะกลับไปนั่งตำแหน่ง backbencher (ในสภาอังกฤษจะมีตำแหน่ง frontbencher และ backbencher ตำแหน่ง backbencher คือสมาชิกสภาที่ไม่มีตำแหน่งใน ครม. และมีความเห็นไม่สอดคล้องกับแนวทางของรัฐบาล)
สิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
ช่วงเที่ยงของวันพุธ ตามเวลาสหราชอาณาจักร เทเรซา เมย์ จะออกมาตอบคำถามในฐานะนายกรัฐมนตรี และหลังจากรับประทานอาหารเที่ยง เธอจะออกมากล่าวสุนทรพจน์อำลาตำแหน่งหน้าบ้านเลขที่ 10 ก่อนจะเดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธเพื่อทูลลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่ บอริส จอห์นสัน ก็จะเดินทางไปยังพระราชวังบัคคิงแฮม เพื่อตั้งรัฐบาล
หลังจากนั้น เขาจะกล่าวสุนทรพจน์ ณ บ้านหมายเลข 10 ถนนดาวนิ่ง อันเป็นสัญลักษณ์ของทำเนียบรัฐบาล ก่อนจะเข้าบ้านเลขที่ 10 ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสหราชอาณาจักร
วันพฤหัสบดี นายจอห์นสันมีนัดหมายที่จะประกาศวาระเรื่อง Brexit ต่อสภา และตอบคำถามในฐานะนายกรัฐมนตรี และประกาศรายนาม ครม. ต่อไป
ปฏิกิริยาจากฝ่ายค้าน
หลังจากที่มีการประกาศชัยชนะของบอริส จอห์นสัน จากฝั่งพรรคคอนเซอร์เวทีฟ เจเรมี คอร์บีน หัวหน้าพรรคแรงงานคนปัจจุบัน และผู้ที่อยู่ในคำประกาศของบอริส จอห์นสัน ว่าจะต้องเอาชนะในศึกหนหน้า ได้ออกมาทวีตข้อความว่า
“บอริส จอห์นสัน ได้รับชัยชนะจากการสนับสนุนของคนไม่ถึงแสนคนที่ไม่ได้เป็นตัวแทนของพรรคคอนเซอร์เวทีฟจากการสัญญาว่าจะลดภาษีให้พวกคนรวยและพรีเซนต์ตัวเองในฐานะมิตรของพวกนายธนาคาร และเตรียมสร้างความเสียหายจากการ No-deal Brexit
“แน่นอนว่าเขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากประเทศของเรา”
Boris Johnson has won the support of fewer than 100,000 unrepresentative Conservative Party members by promising tax cuts for the richest, presenting himself as the bankers' friend, and pushing for a damaging No Deal Brexit.
But he hasn't won the support of our country.
— Jeremy Corbyn (@jeremycorbyn) July 23, 2019
อ้างอิงข้อมูลจาก:
bbc.com