ภาพประกอบ: Shhhh
มีคนเกือบสิบล้านคนเข้าใจภาษา (language) กาตาลัน เดี๋ยว! ภาษาสเปนไม่ใช่เหรอ ภาษากาตาลันไม่มีหรอก สเปนสำเนียงกาตาลัน (accent) หรือเป็นภาษาถิ่น (dialect) หรือเปล่า?

กาตาลันเป็นภาษาที่ใช้ในดินแดนอย่างอันดอร์รา (Andorra) กาตาลุญญา (Catalonia) หมู่เกาะแบลเลแอริก (Balearic Islands) วาเลนเซีย (Valencia) อารากอน (Aragon) กาตาลุญญาเหนือในฝั่งฝรั่งเศส และอัลเกโร (Alghero) ในประเทศอิตาลี กาตาลันจึงเป็นภาษาที่มีรายละเอียดแตกต่าง (variation) กันไปตามท้องถิ่นที่ใช้งาน
การเมืองเรื่องภาษา
A language is a dialect with an army and a navy.
ภาษาคือสำเนียงที่มีทั้งทัพบกและทัพเรือ
แมกซ์ ไวน์ริช (Max Weinreich) นักภาษาศาสตร์เชิงสังคม อธิบายความต่างของสองคำไว้เช่นนี้ การยอมรับสถานะของภาษาจึงเป็นนัยยะเชิงการเมืองอย่างหนึ่ง หากมองในแง่รัฐศาสตร์ แต่หากมองด้านกลไกทางภาษาศาสตร์แล้ว อันที่จริงภาษาคือการยำใหญ่ของสำเนียงที่ผู้คนกลุ่มหนึ่งเข้าใจตรงกัน ถ้าผู้ใช้สำเนียงต่างๆ ของภาษาอังกฤษสามารถเข้าใจภาษาอังกฤษได้ ก็พอจะยกสถานะภาษาให้อังกฤษได้ นอกจากนั้นสำเนียงที่คล้ายกันมากอาจผ่าเหล่าแตกกอออกมาเป็นภาษาตามสถานะทางการเมืองและรัฐได้ อาทิ ภาษาเดนมาร์ก สวีเดน และนอร์เวย์ ที่ทำไปทำมาคนสามประเทศนี้ก็พอจะเข้าอกเข้าใจภาษาพูดของกันและกันอยู่บ้าง แต่ก็ยังเรียกชื่อแตกต่างกันออกไปตามชื่อประเทศ/รัฐอยู่ดี
ส่วนความเป็นมาตรฐานของภาษา น่าจะมาจากมุมมองของผู้กุมอำนาจในดินแดนนั้น และความพยายามจะยกระดับสถานะของคนกลุ่มหนึ่งให้อยู่เหนือคนอีกกลุ่มหนึ่ง
‘ภาษามาตรฐาน’ จึงอาจไม่มีอยู่จริง เพราะทุกๆ คนต่างอยากให้ภาษา/สำเนียงซึ่งเป็นดังอัตลักษณ์ของตนเองได้กลายเป็นภาษา/สำเนียงมาตรฐานด้วยกันทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นคนสมาทานความเป็นมาตรฐานขึ้นมา
การถูกบังคับและบอกว่าภาษาที่คุณใช้สื่อสารอยู่นั้น ‘ไม่ใช่มาตรฐาน’ ถือเป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่า เราไม่ได้ยอมรับว่าคุณเป็นส่วนหนึ่งของเรา และหากคุณต้องการเป็นส่วนหนึ่งของเรา คุณต้องปฏิบัติตาม ‘มาตรฐาน’ ที่เราได้วางไว้
ส่วนความเป็นราชการของภาษานั้นก็ถูกใช้เพื่อการงานแห่งรัฐต่างๆ และเป็นดังสัญลักษณ์แห่งการยอมรับว่าภาษาของกลุ่มชนนั้นๆ คือกลุ่มคนส่วนใหญ่ในสังคม
ภาษาเป็นเครื่องมือแสดงอัตลักษณ์ร่วมทางสังคมของกลุ่มคนหนึ่งๆ ภาษากับกระบวนการสร้างชาติจึงเป็นเนื้อเรื่องเดียวกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และถือเป็นเครื่องมือสำคัญในกระบวนการสร้างอัตลักษณ์ร่วมประจำชาติหรือกลุ่มชนเสียด้วยซ้ำ กาตาลันเองจึงเป็นหนึ่งในกรณีศึกษาสำคัญ
แม้กระทั่งตัวสะกดต่างๆ ยังสำคัญและสามารถส่งสัญญาณนัยยะเชิงการต่อสู้ทางการเมืองได้ด้วย
Cataluña สะกดแบบนี้ในภาษาสเปนกลาง หรือภาษาสเปนกาสเตยาโน (Castellano Spanish)
Catalunya สะกดแบบนี้ในภาษากาตาลัน ในแคว้นกาตาลุญญา
กาตาลุนยา ถอดเสียงออกมาในภาษาไทยได้แบบนี้ หรือ
‘กาตาลุญญา’
แล้วตัวสะกดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้สำคัญเพียงใด ความสำคัญอยู่ที่ใครเป็นผู้ผลิตตัวสะกดเหล่านี้ออกมา และใครบ้างยอมรับตัวสะกดนั้นๆ
ปัจจุบันหากใช้กูเกิลค้นหาเรื่องราวเกี่ยวกับกาตาลันเป็นภาษาไทย จะพบว่าตัวสะกดแบบกาตาลันมากกว่าแบบสเปนกาสเตยาโน ถือเป็นความสำเร็จในการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ชาวกาตาลันในประเทศไทยสามารถผลักดันตัวสะกดจากการถอดเสียงของตัวเองเข้ามาเป็นที่แพร่หลายในภาษาไทยได้
สเปนกาสเตยาโนไม่ใช้ตัวสะกดแบบกาตาลัน ขณะเดียวกันกาตาลันก็ไม่ใช้ตัวสะกดแบบสเปนกาสเตยาโน การต่อสู้เพื่ออิสรภาพอาจเกิดขึ้นได้ผ่านกระบวนการเชิงภาษาเช่นนี้ และเกิดขึ้นมาหลายต่อหลายครั้งในประวัติศาสตร์โลกมนุษย์เรา
ความแข็งแรงของอัตลักษณ์กาตาลันในเชิงภาษาและวรรณกรรมสะท้อนผ่านทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนที่ชาวกาตาลันเองยังใช้อยู่อย่างแพร่หลาย อาทิ
- ตลาดวรรณกรรมกาตาลันถือเป็นตลาดที่มีมูลค่าสูง
- วรรณกรรมภาษากาตาลันที่ถูกแปลเป็นภาษาอื่นๆ มากมาย
- มีหนังสือพิมพ์กว่าสิบหัวที่ใช้ภาษาตาตาลัน
- ในกาตาลันการพากย์ภาษากาตาลันทับภาพยนตร์โดยเฉพาะที่มาจากต่างประเทศนั้นแพร่หลายมาก
- มีองค์กรอย่าง สถาบันรามอน ลุยล์ (Institut Ramon Llull) ทำหน้าที่ส่งออกวัฒนธรรมกาตาลัน ให้บริการครอบคลุมทั้งเป็นฐานข้อมูลวรรณกรรมและวัฒนธรรมกาตาลัน การหาแหล่งเรียนรู้ภาษากาตาลัน ข้อมูลด้านกาตาลันศึกษา การจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรมกาตาลัน การให้ทุนการศึกษา พูดง่ายๆ ศูนย์นี้คือสมาคมฝรั่งเศส หรือ Alliance Française เวอร์ชั่นภาษากาตาลันนั้นเอง
กว่ากาตาลุญญาจะเดินทางมาถึงการแบ่งแยกดินแดนในวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับกระบวนการสร้างอัตลักษณ์ร่วมทางภาษา
สเปนกับกาตาลันไปไงมาไง?
หากกล่าวง่ายๆ ภาษาสเปนพัฒนามาจากภาษาละตินที่ใช้โดยชนชั้นสูง ในขณะที่ภาษากาตาลันถูกพัฒนามาจากภาษาพูดของละตินซึ่งพูดโดยชาวโรมันที่เข้าไปปกครองเมืองทาร์ราโกนา (Tarragona) และหากเทียบกันจริงๆ ภาษากาตาลันมีความคล้ายคลึงกับภาษาอิตาลีมากกว่าภาษาสเปนเสียอีก
ภาษากาตาลันพ่ายแพ้ต่อการเข้ามาของภาษาสเปนเมื่อครั้งที่บาร์เซโลนาตกอยู่ใต้อำนาจของ เอิร์ลแห่งแบร์วิค (Earl of Berwick) เมื่อปี 1714 ครั้งนั้นภาษากาตาลันถูกจำกัดการใช้งาน ส่วนภาษาสเปนกลายเป็นภาษาราชการของดินแดนแถบนี้ไป
ภาษาถือเป็นเครื่องมือพื้นฐานในการเข้ามายึดครองดินแดนสักแห่ง หลายต่อหลายครั้งผู้คนในดินแดนนั้นไม่ได้สยบยอมต่อข้อบังคับโดยผู้ปกครองหน้าใหม่สักเท่าไหร่ ในกรณีกาตาลัน กว่าจะมีการต่อสู้อย่างเป็นกิจจะลักษณะก็ปาเข้าไปยุคศตวรรษที่ 19 แล้ว เมื่อกลุ่มรักชาติชื่อ Renaixença เข้ามามีบทบาทเคลื่อนไหว จนภาษากาตาลันได้รับการฟื้นฟูให้กลายเป็นภาษาวรรณกรรม
ทว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นาน เพราะหลังจากที่ลัทธิฟาสซิสต์ชนะสงครามกลางเมืองในปี 1939 การใช้ภาษากาตาลันทั้งในฐานะภาษาราชการและส่วนบุคคลถูกห้ามโดยสิ้นเชิง ถึงขั้นมีการคาดโทษอย่างรุนแรงหากใครพูดภาษานี้
ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อผู้อพยพจากหลายแหล่งหลั่งไหลเข้ามาในกาตาลุญญามากขึ้นเรื่อยๆ ภาษาสเปนจึงกลายเป็นภาษากลางที่ใช้ในการสื่อสาร (lingua franca) ของผู้คนจากต่างถิ่นต่างภาษาให้สามารถสื่อสารกันได้ แม้ผู้อพยพและลูกหลานของพวกเขาจะสามารถสื่อสารด้วยกาตาลันได้ แต่เนื่องจากคลื่นผู้อพยพส่วนใหญ่นั้นหลั่งไหลมาจากลาตินอเมริกา ประชากรกว่าครึ่งของกาตาลุญญาจึงสามารถใช้ภาษาสเปนเสมือนเป็นภาษาที่หนึ่ง พร้อมๆ กับความสามารถในการสื่อสารภาษากาตาลันได้
การเมืองเรื่องภาษาในโรงเรียน
ภาษากาตาลันถูกห้ามใช้เป็นเวลาเกือบ 40 ปี ในยุคที่ นายพลฟรังโก (Francisco Franco Bahamonde) แห่งสเปนยังอยู่ในอำนาจ เมื่อเขาเสียชีวิตลงในปี 1975 สเปนเดินทางเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย จนปี 1979 กาตาลันได้รับการยอมรับเป็นภาษาราชการ กาตาลุญญาจึงได้เริ่มได้หายใจหายคอ และสามารถออกแบบการศึกษาของแคว้นตนเองมากขึ้น และสิ่งแรกที่พวกเขาทำคือการจัด Immersion Programme หรือการใช้ภาษาใดภาษาหนึ่งในการเรียนการสอนซึ่งเริ่มในปี 1986 เพื่อให้ผู้เรียนได้ซึมซับภาษาอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้แม่แบบอย่างแคนาดา
ในโครงการ Immersion Programme ของกาตาลุญญา เด็กตั้งแต่การเรียนปฐมวัย (3 ขวบเป็นต้นไป) จะเริ่มได้รับการเรียนการสอนเป็นภาษากาตาลัน ส่วนภาษาสเปนจะเริ่มใช้ในระดับประถมศึกษาตั้งแต่อายุ 5-8 ปี ทั้งสเปนและกาตาลันมีชั่วโมงการเรียนการสอนแยกกันในฐานภาษา แต่การเรียนการสอนอื่นๆ ในระดับประถม มัธยมต้น และมัธยมปลายนั้นกระทำเป็นภาษากาตาลัน เพื่อเพิ่มสมรรถนะทางภาษาให้กับเด็กๆ สิ่งนี้นำมาซึ่งเด็กสองภาษาในที่สุด เป้าหมายคือการที่เด็กสามารถใช้ทั้งสเปนและกาตาลันได้อย่างคล่องแคล่วเท่าเทียมกัน
นโยบายทางภาษาในโรงเรียนนั้นแบ่งออกคร่าวๆ เป็นสามประเภทดังนี้
โมเดล A ใช้ภาษาสเปนในการเรียนวิชาต่างๆ และเรียนภาษากาตาลันเป็นวิชาภาษา
โมเดล B จัดการเรียนการสอนเป็นกาตาลันและสเปนอย่างละครึ่ง แต่เด็กจะต้องเรียนอ่านเขียนเป็นภาษาสเปน
โมเดล D เหมือนโครงการ Immersion คือจัดการเรียนการสอนเป็นกาตาลัน และเรียนสเปนเป็นภาษาต่างประเทศ
ดังนั้นกาตาลันจึงได้เป็นภาษาในโรงเรียนรัฐทั้งหมดที่ร่วมโครงการนับแต่นั้นเป็นต้นมา นอกจากการใช้กาตาลันในโรงเรียนแล้ว หากต้องการเรียนด้วยภาษาอื่นๆ ต้องเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนเท่านั้น จนมีนักการเมืองสายสเปนออกมาวิจารณ์ว่า รัฐบาลท้องถิ่นของกาตาลุญญาไม่ได้ให้อิสรภาพกับผู้คนอย่างเพียงพอ
ทั้งนี้ทั้งนั้น ข้อมูลจากสถาบันประเมินและวัดผลการศึกษาแห่งชาติของสเปน (The Spanish National Institute for the Evaluation of Education: INECSE) รายงานว่า นักเรียนกาตาลันมีความเข้าใจภาษาสเปนเท่ากับค่าเฉลี่ยของเด็กๆ ในแคว้นอื่นๆ ของสเปน ดังนั้นการเรียนด้วยวิธี Immersion ของกาตาลันจึงไม่ได้เท่ากับการลบล้างความสามารถทางภาษาสเปนของนักเรียนแต่อย่างใด
ปี 2013 รัฐบาลสเปนออกกฎหมายการศึกษาแห่งชาติบังคับให้โรงเรียนกาตาลันต้องเพิ่มชั่วโมงสอนภาษาสเปน หากพ่อแม่ลงชื่อร่วมกันร้องขอ แต่ก็มีบางคนที่ไม่เห็นด้วยกล่าวว่า
ฉันคิดเป็นภาษากาตาลัน ฝันเป็นภาษากาตาลัน จู่ๆ ก็มีรัฐบาลหนึ่งพยายามให้ภาษากาตาลันหายไป บางอย่างบอกฉันตอนนั้นเลยว่าฉันต้องสู้เพื่ออัตลักษณ์และภาษาของตัวเอง
– มาร์ตา โรซิก (อายุ 21 ปี)