เซาะกร่อนบ่อนทำลาย ศาล รธน. ชี้การชุมนุม ‘ธรรมศาสตร์จะไม่ทน’ เป็นการล้มล้างการปกครอง ห้ามทำอีกในอนาคต

วันนี้ (10 พฤศจิกายน 2564) ศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยที่ 19/2564 ซึ่งเป็นการวินิจฉัยมาตรา 49 ตามคำร้องของนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การปราศรัยเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ 10 ข้อ เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ของ 8 แกนนำผู้ชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะผู้ถูกร้อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขหรือไม่ 

ทั้งนี้ ก่อนเริ่มอ่านคำวินิจฉัย ฝ่ายผู้ถูกร้องแจ้งต่อศาลว่า ในเมื่อศาลไม่มีการไต่สวน จึงขออนุญาตไม่อยู่ฟังคำวินิฉัยและเดินออกจากห้องพิจารณา เพราะไม่เห็นด้วยกับวิธีการในการพิจารณา 

ด้านศาลรัฐธรรมนูญแจงว่า เหตุผลของฝ่ายผู้ถูกร้องเป็นข้ออ้าง โดย “เรื่องนี้ ศาลใช้ระบบไต่สวนซึ่งศาลแสวงหาข้อเท็จจริงได้ และศาลได้แสวงหาข้อเท็จจริงจากหลายๆ ฝ่าย จนได้ข้อเท็จจริงครบถ้วนที่สามารถจะวินิจฉัยได้ ศาลจึงสั่งงดการไต่สวน เป็นการสั่งตามที่กฎหมายบัญญัติ ส่วนจะไม่ฟังก็เป็นสิทธิ์ของผู้รับมอบฉันทะ”

จากนั้นศาลรัฐธรรมนูญวินิฉัยข้อโต้แย้งของผู้ถูกร้องที่บอกว่าคำร้องมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนนั้น เป็นข้อโต้แย้งที่ฟังไม่ขึ้น เพราะคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องที่ผู้ร้องอ้างว่าการปราศรัยของผู้ถูกร้องมีเนื้อหาบิดเบือด จาบจ้วง ล้อเลียน หมิ่นพระบรมเดชานุภาพของสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการกระทำมีเจตนาล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีความชัดเจนและเพียงพอที่จะทำให้ผู้ถูกร้องเข้าใจสภาพของการกระทำที่เป็นข้อกล่าวหา และสามารถต่อสู้คดีได้

ต่อมาศาลรัฐธรรมนูญจึงวินิจฉัยว่า “การกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่ง …และสั่งการให้ผู้ถูกร้อง …รวมทั้งกลุ่มองค์กรเครือข่ายเลิกกระทำการดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคสอง” 

ศาลรัฐธรรมนูญได้แสดงเหตุผลประกอบคำวินิฉัยว่า การกระทำของผู้ถูกร้อง “มีเจตนาซ่อนเร้นเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มิใช่การปฏิรูป … เป็นการแสดงความคิดเห็นโดยไม่สุจริต เป็นการละเมิดกฎหมาย มีมูลเหตุจูงใจเพื่อล้มล้างการปกครอง” เป็นการกระทำที่มีเจตนาทำลายล้างสถาบันกษัตริย์โดยชัดแจ้ง และเป็นการเซาะกร่อนระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีการใช้สิทธิเสรีภาพที่ไม่ถูกต้อง ใช้ถ้อยคำหยาบคาย มีการดำเนินงานอย่างเป็นขบวนการเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมาย ซึ่งจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองประชาธิปไตยในที่สุด 

ศาลรัฐธรรมนูญยังกล่าวในส่วนของประเพณีการปกครองของไทยว่า “ประวัติศาสตรการปกครองของไทยนั้น อำนาจการปกครองเป็นของพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด นับแต่ยุคสุโขทัย อยุธยา ตลอดจนกรุงรัตนโกสินทร์ … ในยุคก่อนที่ผ่านมา ประกอบกับพระมหากษัตริย์ทรงถือการปกครองตามหลักธรรมแห่งพุทธศาสนา และยึดถือทศพิธราชธรรมเป็นหลักในการปกครองประเทศ พระมหากษัตริย์ของไทยจึงเป็นที่เคารพและศรัทธา เป็นศูนย์รวมและความเป็นหนึ่งเดียวกันของปวงชนชาวไทยมาโดยตลอดเวลาหลายร้อยปี”

Author

กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า