ท่ามกลางกระแสการบริโภคอาหารออร์แกนิกที่ผู้คนทั่วโลกเริ่มตื่นตัวกันไม่นานนัก ประเทศบนเกาะเล็กๆ กลางทะเลแคริบเบียนที่มีประชากรเพียง 11 ล้านคนอย่างคิวบาได้นำร่องการบริโภคอาหารออร์แกนิกมาแล้วกว่า 20 ปี ปัจจุบัน กว่าร้อยละ 90 ของอาหารในคิวบา ไม่ว่าจะเป็นพืชผักหรือเนื้อสัตว์ล้วนแต่ปลอดจากสารเคมีทั้งยาฆ่าแมลงและยาปฎิชีวนะ ทำให้คิวบากลายเป็นประเทศที่มีการบริโภคผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกต่อหัวสูงที่สุดในโลก
ปูมหลังของกระแสออร์แกนิกในคิวบามีที่มาจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 1991 เมื่อคิวบาประสบปัญหาขาดแคลนการอุดหนุนด้านการส่งออกจากโซเวียต ซึ่งเคยเป็นปัจจัยที่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศอยู่ในระดับคงตัวมาโดยตลอด ทำให้ระหว่างช่วงเวลาในปี 1983-1993 ตัวเลขเศรษฐกิจของคิวบาลดลงถึงร้อยละ 35
ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้รัฐบาลไม่สามารถนำเข้ายาฆ่าแมลงและปุ๋ยเคมีสำหรับการผลิตอาหารในระบบอุตสาหกรรมได้อย่างที่เคยเป็น เมื่ออาหารเริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน รัฐบาลคิวบาต้องเร่งหันมาพัฒนาภาคเกษตรของประเทศให้รวดเร็วที่สุดด้วยการทำให้ระบบการผลิตอาหารในประเทศเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีออร์แกนิก
เนื่องจากคิวบาเป็นประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ ก่อนหน้าที่รัฐบาลจะเผชิญกับวิกฤติปัญหาเศรษฐกิจในปี 1991 ระบบอุตสาหกรรมอาหารของประเทศกว่าร้อยละ 75 จึงอยู่ภายใต้การดำเนินงานของรัฐมาโดยตลอด แต่หลังจากวิกฤติ การปฏิรูประบบการผลิตอาหารของรัฐบาลคิวบาด้วยการส่งเสริมการเกษตรแบบออร์แกนิกก่อให้เกิดการกระจายการผลิตและการค้าขายอย่างเสรีไปสู่ประชาชนเจ้าของที่ดินมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกจากฟาร์มของเกษตรกรยังมีราคาถูก ต่างกับอาหารออร์แกนิกในประเทศอื่นๆ เนื่องจากต้นทุนที่ต่ำเพราะเกษตรกรไม่จำเป็นต้องซื้อสารเคมีมาใช้ในการผลิต รวมถึงมาตรการจากรัฐบาลที่ไม่อนุญาตให้เกษตรกรตั้งราคาขายในราคาสูงกว่าปกติเหมือนผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกในประเทศทุนนิยมอย่างสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม การผลิตตามวิถีออร์แกนิกในคิวบายังมีข้อจำกัดเนื่องจากต้องอาศัยการดูแลที่มากกว่าระบบอุตสาหกรรมอาหารที่ใช้สารเคมีตามปกติ และด้วยปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพอากาศและการขนส่งที่ยากลำบาก ทำให้ปริมาณผลผลิตทางการเกษตรไม่เพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศ จนตอนนี้ ปัญหาอาหารขาดแคลนในคิวบายังมีให้เห็นได้ทั่วไป
ที่มา: globalpost.com