ยุนซอกยอล (Yoon Suk Yeol) ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กำลังเผชิญกับวิกฤตความเชื่อมั่นที่ตกตํ่าลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเข้าสู่ช่วงกลางเทอมแล้ว อันเป็นผลมาจากข่าวฉาวของภรรยาตนเองคือ คิมคอนฮี (Kim Keon Hee) อีกทั้งการประกาศกฎอัยการศึกด้วยข้ออ้างเรื่องความมั่นคงจากภัยคุกคามของเกาหลีเหนือเมื่อกลางดึกวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา สร้างแรงกระเพื่อมให้ประชาชนชาวเกาหลีใต้ลุกขึ้นมาต่อต้านประธานาธิบดียุนอย่างหนัก เพื่อกดดันให้เขาลาออกจากตำแหน่ง
คิมคอนฮี อายุ 51 ปี สตรีหมายเลข 1 ของเกาหลีใต้ อาจไม่เหมือนสตรีหมายเลข 1 ของประธานาธิบดีท่านอื่นที่ส่วนใหญ่จะปฏิบัติหน้าที่ภายใต้เงาของสามีอย่างเรียบง่าย คิมคอนฮีแตกต่างไปจากสตรีหมายเลข 1 คนอื่นๆ เธอมีฐานแฟนคลับ เป็นผู้โปรโมตวัฒนธรรมเกาหลี เป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์การค้าสุนัขเพื่อการบริโภค อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องการเป็น ‘แฟชั่นนิสต้า’ ที่มักจะปรากฏโฉมด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์แบรนด์เกาหลีตามเวทีการเมืองระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง
ตลอด 2 ปีที่สามีของเธอขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี คิมคอนฮีเต็มไปด้วยข่าวฉาวมากมาย จนสะเทือนไปถึงเก้าอี้ประธานาธิบดีของสามี ไม่ว่าจะเป็นการคัดลอกผลงานทางวิชาการ จนถึงการปั่นหุ้น แม้ทางสำนักประธานาธิบดีจะออกมาปฏิเสธว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปั่นหุ้นก็ตาม
ข่าวฉาวที่สร้างกระแสให้ชาวเกาหลีจับตามองคิมคอนฮีมากที่สุด คงหนีไม่พ้นกรณีการถูกกล่าวหาว่ารับสินบนเป็นกระเป๋าดิออร์ (Dior) ซึ่งได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมเกาหลีเป็นอย่างมากในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จากคลิปวิดีโอฉาวที่ถูกนำมาเปิดโปงโดยช่องยูทูบ Voice of Seoul ที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองแบบฝ่ายซ้ายและวิจารณ์รัฐบาลอนุรักษนิยมของยุนซอกยอลเสมอมา
คิมคอนฮีถูกเปิดโปงว่า รับกระเป๋าดิออร์มูลค่า 3 ล้านวอน (ราว 78,000 บาท) จาก ชเวแจยอง (Choi Jae Young) บาทหลวงคนหนึ่งที่ได้แอบบันทึกภาพเอาไว้ในระหว่างการพบปะกับสตรีหมายเลข 1 ผู้นี้ โดยเธอไม่ได้ปฏิเสธการรับกระเป๋าดังกล่าว โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นภายหลังประธานาธิบดียุนซอกยอลเพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 2 เดือน
ตามกฎหมายต่อต้านการรับสินบนของเกาหลีใต้ระบุว่า ห้ามเจ้าหน้าที่รัฐและคู่สมรส รับของขวัญที่มีมูลค่ามากกว่า 1.05 ล้านวอน (ราว 25,000 บาท) อันสืบเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่สาธารณะ ส่งผลให้สาธารณชนต้องการคำตอบจากประธานาธิบดียุนซอกยอลต่อการกระทำของภริยาตนเอง โดยชาวเกาหลีกว่า 53 เปอร์เซ็นต์ มองว่า เป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งฝ่ายค้านยังยกกรณีฉาวดังกล่าวขึ้นมาโจมตี ทำให้คะแนนนิยมของประธานาธิบดียุนซอกยอลเริ่มตกตํ่าลงอย่างหนัก
ตรงกันข้าม ประธานาธิบดียุนซอกยอลกลับแถลงว่า การปล่อยคลิปวิดีโอดังกล่าวเป็นความพยายามในการโจมตีพรรครัฐบาลของตน โดยหวังผลทางการเมืองในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเดือนเมษายน 2024 ซึ่งแน่นอนว่า พรรคประชาธิปไตย (Democratic Party: DP) ซึ่งเคยเป็นพรรคฝ่ายค้านกลับมาชนะการเลือกตั้ง ครองเสียงข้างมากในสภาจนสามารถควํ่ากฎอัยการศึกที่ประธานาธิบดียุนซอกยอลประกาศใช้เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2024 ภายในไม่กี่ชั่วโมง
ไม่เพียงเท่านั้น ข่าวฉาวที่เกิดขึ้นจากสตรีหมายเลข 1 และความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งทั่วไปยังสร้างความร้าวฉานในพรรคพลังประชาชน (People Power Party: PPP) โดยสมาชิกพรรคได้เปรียบเทียบว่า คิมคอนฮีเป็น ‘มารี อ็องตัวแน็ตต์’ (Marie Antoinette) ที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟู่ฟ่า พร้อมกับเรียกร้องให้คิมคอนฮีกล่าวขอโทษต่อพรรคด้วย
หลังจากนี้ดูเหมือนว่าอนาคตทางการเมืองของประธานาธิบดียุนซอกยอลจะสิ้นสุดลง ภายหลังประชาชนเกาหลีได้เรียกร้องให้เขาลาออกจากตำแหน่ง ขณะที่พรรคฝ่ายค้านเตรียมดำเนินการถอดถอนประธานาธิบดีออกจากตำแหน่ง
ด้าน ฮันดงฮุน (Han Dong Hoon) หัวหน้าพรรคพลังประชาชน ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การประกาศกฎอัยการศึกของประธานาธิบดียุนซอกยอล ว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและพร้อมยืนเคียงข้างประชาชน พร้อมเสนอให้มีการขับยุนซอกยอลออกจากพรรคด้วย
ที่มา
- How a Dior bag shook South Korean politics
- South Korea: First lady’s Dior bag shakes country’s leadership