หากทรัมป์คัมแบ็ก Project 2025 อาจทำลายสหรัฐและระเบียบโลก

เหตุการณ์ลอบสังหาร โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐและผู้ลงสมัครชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน (Republican) สร้างแรงกระตุ้นความนิยมของเขาให้สูงขึ้น เหนือคู่แข่งจากพรรคเดโมแครต (Democrat) คือ โจ ไบเดน (Joe Biden) ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบันและผู้ลงสมัครชิงชัยในตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยที่ 2 

การลอบสังหารดังกล่าวทำให้ ‘swing voter’ มีแนวโน้มที่จะเทคะแนนให้ทรัมป์มากขึ้น จากภาพลักษณ์ที่เข้มแข็ง ทำให้เส้นทางสู่ทำเนียบขาวเพื่อดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของเขากลายเป็นความจริงมากขึ้นเรื่อยๆ 

ผลโพลชั้นนำคาดการณ์ไปในทางเดียวกันว่า ชัยชนะจะตกเป็นของทรัมป์ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง มากกว่าคู่แข่งวัยไม้ใกล้ฝั่งอย่างไบเดน ที่กำลังเผชิญปัญหาสุขภาพโดยเฉพาะโรคพาร์กินสัน 

แนวโน้มที่พรรครีพับลิกันจะชนะศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี ทำให้พรรคเดโมแครตต่างหวาดผวาต่อพลังของฝ่ายขวาตกขอบ มากไปกว่าการบริหารประเทศของทรัมป์ พิมพ์เขียวประเทศใต้การนำของฝ่ายอนุรักษนิยมก็ถูกเผยแพร่และอาจนำไปสู่การบ่อนทำลายความเป็นเสรีนิยมของสหรัฐในชื่อโครงการ Project 2025

Project 2025 โดยคลังสมอง (Think Tank) กลุ่มนักคิดฝ่ายขวาของมูลนิธิเฮอริเทจ (The Heritage Foundation) ได้รับคําแนะนําจากกลุ่มอนุรักษนิยมมากกว่า 100 กลุ่ม เป็นแผนนโยบายที่ละเอียดอ่อนของขบวนการอนุรักษนิยมในสหรัฐ โดยนำเสนอสิ่งที่ประธานาธิบดีรีพับลิกันคนต่อไปควรทําในระหว่างดำรงตำแหน่ง และเตรียมการเพื่อนำแผนนั้นไปปฏิบัติ โดยพื้นฐานแล้ว ถือเป็นความพยายามที่จะทําให้วาระที่ 2 ของทรัมป์มีระเบียบและมีประสิทธิภาพมากกว่าวาระแรก แม้ว่าเจ้าตัวจะปฏิเสธถึงความเกี่ยวข้องก็ตาม

การดำเนินการตาม Project 2025 จะนำการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงมาสู่สหรัฐ ประธานาธิบดีไบเดนเชื่อว่า โครงการนี้เป็นการวางแผนที่จะรวบอำนาจการตรวจสอบถ่วงดุลในระบอบประชาธิปไตย โดยจะเกิดการปลดราชการเก่าออกและบรรจุผู้นิยมทรัมป์เข้าไปในรัฐบาลกลางเพื่อทำตามคำสั่งของทรัมป์โดยตรง โดยไบเดนระบุใน X ของตนเองว่า “Project 2025 จะทำลายสหรัฐอเมริกา”

หาก Project 2025 จะทำลายสหรัฐ จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกที่มีสหรัฐเป็นพี่ใหญ่ของโลก

ทรัมป์ กับ Project 2025 และระเบียบโลกใหม่

ตรวจคนเข้าเมือง ‘อย่างเข้มงวด’

นโยบายการเข้าเมืองที่เข้มงวดของทรัมป์ถือเป็นนโยบายเด่นของของเขาในสมัยแรกของการดำรงตำแหน่ง หากชนะเลือกตั้งทรัมป์มีแนวโน้มที่จะออกคำสั่งทันที ในการเสริมสร้างความมั่นคงบริเวณชายแดน และดำเนินการคัดกรองการเข้าเมืองที่เข้มงวดยิ่งขึ้น 

รวมไปถึงการก่อสร้างกำแพงชายแดนอีกครั้ง และการตรวจสอบวีซ่าที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับผู้อพยพ ดังที่ทรัมป์ระบุเสมอว่า เขาจำเป็นต้องรักษาพรมแดนและปกป้องงานของชาวอเมริกัน (จากแรงงานข้ามชาติ)

ลดงบประมาณสนับสนุน NATO 

ทรัมป์วิพากษ์วิจารณ์ NATO มาโดยตลอด เกี่ยวกับจำนวนเงินที่ประเทศอื่นๆ ใน NATO ใช้จ่ายด้านกลาโหมเมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกา และขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่จะถอนสหรัฐออกจาก NATO ทรัมป์เคยกล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า หลายประเทศสมาชิกใน NATO เป็น free rider และเขาตั้งใจที่จะไม่ปกป้องพันธมิตร NATO ที่ไม่จ่ายเงินตามหลักปฏิบัติ (ข้อผูกพันในการใช้จ่ายงบประมาณกลาโหมให้ถึง 2% ของงบประมาณประจำปี) จากการโจมตีของรัสเซีย อันขัดต่อหลักการสำคัญขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือตามมาตรา 5 ของสนธิสัญญาคือ คำมั่นในหลักการป้องกันตนเองร่วม (collective defensive) สอดคล้องกับ Project 2025 ที่เสนอให้ ‘ปรับโครงสร้าง’ ของ NATO เพื่อลดการสนับสนุนทางการเงินของอเมริกา และให้พันธมิตรในยุโรปแบ่งเบาภาระและพึ่งพาตนเองมากขึ้น 

ฮัลโลปูติน

ทรัมป์มักจะแสดงท่าทีที่ดีต่อรัสเซียและประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) Project 2025 ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการผ่อนปรนมาตรการคว่ำบาตร และเพิ่มการมีส่วนร่วมทางการทูตกับรัสเซีย เราอาจเห็นการสร้างสมดุลระหว่างยุทธศาสตร์การแข่งขันและความร่วมมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเจรจาควบคุมอาวุธ ทรัมป์เชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ดีกับรัสเซียของตนนั้นเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย แม้ว่าจะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากตัวแสดงทางการเมืองทั้งในและต่างประเทศ

 ยูเครนต้องยอมแพ้

ก่อนหน้านี้ทรัมป์มีข้อเสนอแนะต่อการยุติสงครามคือ การเรียกร้องให้ยูเครนยอมมอบไครเมียและเขตชายแดนดอนบาสให้กับรัสเซียเพื่อสันติภาพ และยังประกาศกร้าวว่าตนสามารถจบสงรามนี้ได้ภายใน 24 ชั่วโมง หลังรับตำแหน่งในสมัยที่ 2

ศึกจีนยังไม่จบ

สมัยแรกของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์ มีสงครามการค้ากับจีนเป็นตัวชูโรง และทรัมป์ยังคงรักษาจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อจีนไม่เปลี่ยนแปลง เขาเชื่อว่าจีนกำลังเอาเปรียบสหรัฐดังที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อนในประวัติศาสตร์ เขาให้คำมั่นที่จะกำหนดอัตราภาษีเพิ่มเติมและจำกัดการลงทุนของจีน ใน Project 2025 มีโครงร่างกลยุทธ์เพื่อต่อต้านอิทธิพลของจีนทั่วโลก รวมถึงการเสริมสร้างพันธมิตรในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และการเพิ่มการแสดงกำลังทางการทหารที่นั่นและการสนับสนุนไต้หวัน การแยกตัวทางเศรษฐกิจจากจีนจะรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อเครือข่ายการค้าโลก ซึ่งอาจนำไปสู่ระเบียบระหว่างประเทศที่มีการแบ่งขั้วมากขึ้น

นโยบายการค้า 10 หยิบ 1

นโยบายการค้า ‘America First’ ของทรัมป์มีแนวโน้มที่จะดำเนินต่อไป โดยมุ่งเน้นไปที่การเจรจาข้อตกลงทางการค้าใหม่เพื่อให้ได้รับผลประโยชน์จากสหรัฐ เขาวางแผนที่จะกำหนดอัตราภาษีนำเข้า 10% แบบครอบคลุมสำหรับการนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งจะมีผลกระทบสำคัญต่อคู่ค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะแคนาดา การเคลื่อนไหวนี้คาดว่าจะปกป้องอุตสาหกรรมของอเมริกา แต่อาจนำไปสู่มาตรการตอบโต้จากประเทศอื่น 

อัปเกรดคลังแสงนิวเคลียร์ให้ทันสมัย

Project 2025 มีเป้าหมายปรับปรุงให้คลังแสงนิวเคลียร์ของสหรัฐทันสมัยโดยการปรับตัวและขยาย เพราะเดิมทีความสามารถทางนิวเคลียร์ทั้งหมดของสหรัฐ และโครงสร้างพื้นฐานที่สหรัฐพึ่งพาในปัจจุบันนั้นมาจากยุคสงครามเย็น จำเป็นต้องได้รับการทดแทนอย่างถึงที่สุด ในเอกสารระบุว่า แผนดังกล่าวรวมถึงการเร่งการพัฒนาและการผลิตขีปนาวุธข้ามทวีป Sentinel และการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ที่ไซต์ความมั่นคงแห่งชาติเนวาดา ซึ่งถือเป็นการละเมิดสนธิสัญญาว่าด้วยการห้ามทดลองนิวเคลียร์โดยสมบูรณ์ ซึ่งสหรัฐคือหนึ่งในผู้ลงนาม

ช่างหัวโลกร้อน

ทรัมป์แสดงความกังขาเกี่ยวกับการรณรงค์เพื่อป้องกันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเสมอมา Project 2025 ประกอบด้วยแผนที่จะยกเลิกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล เขาวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงปารีสและระบุว่า สหรัฐจะถอนตัวจากข้อผูกพันด้านสภาพภูมิอากาศระหว่างประเทศเพื่อส่งเสริมการผลิตพลังงานในประเทศ

อนาคตการดำรงตำแหน่งในสมัยที่ 2 ของทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การแผนการ Project 2025 มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงระเบียบโลกเป็นอย่างมาก อนาคตของ NATO อาจไม่แน่นอน เนื่องจากการปรับโครงสร้างอาจส่งผลให้พันธมิตรอ่อนแอลง ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีนอาจรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อการค้าโลกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ นโยบายตรวจคนเข้าเมืองจะเข้มงวดขึ้น ส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศและตลาดแรงงาน การยกเลิกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมอาจเสียดทานความพยายามในการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกให้กลับสู่สภาวะปกติ ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและรัสเซียที่ดีขึ้นอาจเปลี่ยนความสมดุลของอำนาจในยุโรป การปรับปรุงคลังแสงนิวเคลียร์ของสหรัฐให้ทันสมัยอาจกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันทางอาวุธครั้งใหม่ และเพิ่มความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทั่วโลก การเลือกตั้งสหรัฐในปลายปีที่จะถึงนี้ อาจไม่เพียงกำหนดชะตาชีวิตของชาวอเมริกัน แต่ยังรวมไปถึงทิศทางความมั่นคงของมวลมนุษยชาติอีกด้วย

อ้างอิง

Author

ไตรรัตน์ พุทธรักษา
ซ้ายตกขอบไร้สังกัด ผู้เป็นมิตรกับแมวจรทั่วโลก เสพติดอาหารเลิศรส ดนตรี ภาพยนตร์ และ ศิลปะ ฝันอยากเปลี่ยนโลกก่อนที่จะโดนโลกเปลี่ยน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า