เยอรมนีและสหรัฐอเมริกา ต่างให้คุณค่าในประเด็นพื้นฐานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นประชาธิปไตย หรือเสรีภาพ
ขณะเดียวกันก็เคารพในสิทธิและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ โดยไม่เลือกปฏิบัติต่อชาติกำเนิด สีผิว ความเชื่อทางศาสนา เพศ เพศสภาวะ หรืออุดมการณ์ทางการเมือง
ส่วนหนึ่งจากแถลงการณ์ของ แองเกลา แมร์เกล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี เมื่อ 9 พฤศจิกายน หลังทราบผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งแมร์เกลพยายามย้ำว่า ความร่วมมือของทั้งสองประเทศ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของคุณค่าเหล่านี้ร่วมกัน
หลังจากดำรงตำแหน่งมา 11 ปี ปี 2016 เป็นปีที่แมร์เกลและพรรคสหภาพประชาธิปไตยคริสเตียน (Christlich Demokratische Union Deutschlands: CDU) ต้องรับแรงกดดันพร้อมกันหลายทาง
ไม่ว่าจะเป็นกรณีในสหภาพยุโรปเอง ตั้งแต่ผลประชามติ #Brexit ของสหราชอาณาจักร กระแสความนิยม มารีน เลอ แปน และพรรคฝ่ายขวาในฝรั่งเศสที่พุ่งสูงหลังเหตุโจมตีปารีสเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2015 หรือกรณีในบ้านตัวเอง การเสียคะแนนนิยมของพรรค CDU ให้กับพรรคทางเลือกที่มีนโยบายต่อต้านผู้อพยพ ในการเลือกตั้งระดับภูมิภาค (รัฐ) เมื่อเดือนกันยายน 2016
พรรคทางเลือก (Alternative für Deutschland: AfD) พรรคชาตินิยมปีกขวา ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2013 ทว่าในการเลือกตั้งเมื่อเดือนกันยายนสามารถคว้าที่นั่งในสภารัฐเบอร์ลินไป 10 ที่นั่ง ซึ่งน่าจะมีผลมาจากความไม่พอใจที่รัฐบาลเยอรมันต้องรองรับผู้อพยพเข้าประเทศไม่ต่ำกว่า 1.1 ล้านคน
ฟรอค เพทรี หัวหน้าพรรค AfD วัย 41 ปี เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ Mannheimer Morgen ว่า ในกรณีที่มีความจำเป็นจริงๆ (if necessary) และเป็นทางเลือกสุดท้าย เธอยินยอมให้มีการใช้อาวุธปืนกับผู้อพยพ
การเลือกตั้งรัฐบาลกลางในช่วงปลายปี 2017 จะชี้ชะตาเยอรมนีว่า จะดำเนินรอยตามกระแสหันขวาของโลกหรือไม่
แต่ก่อนหน้านั้น ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนผู้ท้าชิงจากพรรครีพับลิกัน ก็ทำให้บทหนักมาตกอยู่กับเยอรมนี ในฐานะผู้นำโลกที่ทรงอิทธิพล หลังจากมีแนวโน้มว่า ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐผู้นี้จะหันไปสานสัมพันธ์และขยายความร่วมมือกับรัสเซีย
เยอรมนีกลายเป็นความหวังหนึ่งเดียวของยุโรป – อาจจะของโลกด้วย หลังจากอิตาลีและสเปนแทบไม่มีความมั่นคงทางการเมือง ออสเตรียมีแนวโน้มว่าประชาชนจะเลือกผู้นำที่ออกแนวขวาตกขอบในเดือนธันวาคม
“เธอคือผู้กล้าคนสุดท้าย” สเตฟาน คอร์นีเลียส นักวิพากษ์การเมืองประจำหนังสือพิมพ์ Süddeutsche Zeitung กล่าว “เธอคือเสาหลักของความมั่นคง เป็นกำแพงและหลังพิงสุดท้ายที่ประชาชนคาดหวัง”
แต่ขณะเดียวกัน เธอก็ประหนึ่งสายล่อฟ้าสำหรับนักประชานิยมที่กล่าวหาว่า เยอรมนีมักใช้อำนาจและอิทธิพล ทั้งยังคอยตั้งกฎให้คนอื่นปฏิบัติตาม ซึ่งคำวิจารณ์ดังกล่าวก็ดังมาจากฝั่งพรรค AfD ในบ้านตัวเอง
อ้างอิงข้อมูลจาก:
nytimes.com
welt.de
bbc.com