ฮ่องกงในวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นหนึ่งวันในรอบหลายเดือนที่อยู่ในภาวะสงบ ประชาชนที่เคยสวมชุดดำ หมวก หน้ากากปิดปาก พร้อมใจกันเปิดเผยใบหน้าที่แท้จริงของตน เข้าแถวยาวเหยียดเพื่อเดินเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตย
ขณะเดียวกัน มันเป็นหนึ่งวันที่ฮ่องกงพลุ่งพล่านอย่างไม่น่าเชื่อที่สุดวันหนึ่งด้วย บางทีอาจจะเป็นวันที่ฮ่องกงระอุที่สุดวันหนึ่งในประวัติศาสตร์ หลังจากผลการนับคะแนนการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขต (Hong Kong District Council) ปรากฏออกมา ผู้ลงสมัครเลือกตั้งฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตย (pro-democracy camp) สามารถแย่งที่นั่งมาจากผู้ลงสมัครเลือกตั้งฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลจีน ซึ่งก่อนการลงคะแนนเสียงในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พรรคที่สนับสนุนปักกิ่งควบคุมสภาเขตทั้ง 18 เขต
ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขตของฮ่องกงเมื่อวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน ล่าสุดพรรคสนับสนุนประชาธิปไตยได้ 389 ที่นั่งจากการเลือกตั้งทางตรง 452 ที่นั่ง เหลือที่นั่งให้พรรคสนับสนุนรัฐบาลปักกิ่งที่เคยครอบครองที่นั่งในสภาท้องถิ่นเพียง 57 ที่นั่ง นักการเมืองหน้าเก่าประสบความพ่ายแพ้อย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะ จูเนียส โฮ (Junius Ho) นักการเมืองผู้ต่อต้านการชุมนุมและต้องสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังการทำร้ายผู้ชุมนุมที่หยวนหลง (Yuen Long)
นับรวมแล้ว ผู้ลงสมัครเลือกตั้งฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยสามารถคว้าชัยชนะไปได้ 17 เขตจากทั้งหมด 18 เขต
ก่อนการลงคะแนนเสียงในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา พรรคที่สนับสนุนปักกิ่งควบคุมสภาเขตทั้ง 18 แห่ง ดังนั้นชัยชนะใดๆ สำหรับผู้สนับสนุนประชาธิปไตยย่อมถูกมองว่าเป็นชัยชนะของผู้ประท้วง สื่อหลายแห่งระบุว่านี่คือชัยชนะถล่มทลาย และเป็นการปราชัยที่ใหญ่หลวงของรัฐบาลจีน
การเลือกตั้งเมื่อวันอาทิตย์เป็นการลงคะแนนเลือกสมาชิกสภาเขต ประชาชนชาวฮ่องกงออกมาลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง 2.94 ล้านคน หรือ 71.2 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ขณะที่ปี 2015 ชาวฮ่องกงออกมาลงคะแนน 47.01 เปอร์เซ็นต์ มากที่สุดเป็นประวัติการณ์
และการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขตครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางสภาพการจลาจลของประเทศ แต่ทุกอย่างหยุดนิ่งและสงบ เพื่อเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตย
ผู้ชนะการเลือกตั้งส่วนใหญ่เป็นผู้นำการประท้วง เช่น จิมมี ชัม (Jimmy Sham) แกนนำกลุ่มแนวหน้าสิทธิมนุษยชนพลเมือง (Civil Human Rights Front: CHRF) ชนะการเลือกตั้งในเขตชาถิ่น (Sha Tin) ซึ่งจัดการประท้วงหลายครั้งของฮ่องกง ก่อนหน้านี้เขาถูกรุมทำร้ายร่างกายเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เขาบอกว่า นี่คือชัยชนะของค่ายประชาธิปไตย และระบุว่า แคร์รี หลั่ม (Carry Lam) ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ต้องฟังเสียงประชาชน
“ผลของวันนี้แสดงให้เห็นว่าชาวฮ่องกงสนับสนุนการชุมนุม รัฐบาลควรทำตามข้อเรียกร้อง 5 ข้อและฟังเสียงของประชาชน”
ในหลายเขตเลือกตั้ง นักการเมืองหน้าใหม่สามารถเอาชนะนักการเมืองมากประสบการณ์ ฉาน ซือ ไหว่ (Chan Tsz Wai) เป็นหนึ่งในนั้น เขาลงสมัครเลือกตั้งขณะอายุ 27 ปี สามารถเอาชนะ คริส ยิป (Chris Ip) ผู้บริหารเขตคนเดิมลงได้
บนบอร์ดหาเสียงแนะนำตัว ฉาน ซือ ไหว่ ยังใช้ปากกาเมจิกเขียนข้อความแนะนำตัวเขา ต่างจาก คริส ยิป ที่พิมพ์ข้อความอย่างเป็นทางการ
ในเขตหยวนหลง ใกล้กับชายแดนประเทศจีน ทอมมี ช่วง (Tommy Cheung) ผู้นำนักศึกษาที่ออกมาประท้วงเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ
เจฟฟี หลั่ม (Jeffie Lam) ผู้สื่อข่าวจาก South China Morning Post ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ของเธอว่า “นี่คือค่ำคืนหนึ่งที่แสนบ้าคลั่งสำหรับฉัน ความเป็นไปไม่ได้สามารถเป็นไปได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” เธอทวีตข้อความนี้ในขณะที่ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการระบุว่า ผู้บัญญัติกฎหมายอย่างน้อย 7 คน ได้สูญเสียที่นั่งในสภาเขตให้แก่ผู้สมัครเลือกตั้งฝ่ายประชาธิปไตย
หม่า งอก (Ma Ngok) แห่งมหาวิทยาลัยจีนใช้คำอธิบายปรากฏการณ์นี้ว่า “เหนือจริง”
“ชาวฮ่องกงส่งเสียงและข้อความที่ชัดเจนไปยังรัฐบาลว่า พวกเขาสนับสนุนขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา และจะไม่เปลี่ยนความคิดเห็นสาธารณะที่ปรากฏในฮ่องกงก่อนหน้านี้”
เขาหมายถึง ชนวนเหตุที่รัฐบาลผลักดันกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งทำให้เกิดการลุกฮือครั้งใหญ่ของชาวฮ่องกงเมื่อหลายเดือนก่อน
หุ้นฮ่องกงปรับตัวสูงขึ้นในเช้าวันจันทร์หลังจากที่ผู้ลงสมัครจากฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งครั้งใหญ่ ทำให้เกิดความคาดหวังว่าการประท้วงรุนแรงอาจลดน้อยลง
ที่ผ่านมา การเลือกตั้งในระดับนี้ ผู้คนออกไปใช้สิทธิกันไม่มาก เพราะหน่วยปกครองระดับเขตไม่ได้มีอำนาจมากนัก งานของสภาท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับกิจการในชุมชน เช่น การเก็บขยะ การพัฒนา แต่การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิครั้งแรกพากันแจ้งขอใช้สิทธิเลือกตั้งเกือบ 400,000 คน
ภายใต้กฎหมายเลือกตั้งของฮ่องกง สมาชิกสภาท้องถิ่น 117 คนจากจำนวนทั้งหมด จะได้รับสิทธิในการนั่งเป็นส่วนหนึ่งในคณะกรรมการเลือกผู้ว่าการเขตพิเศษฮ่องกง โดยคณะกรรมการดังกล่าวนี้มีทั้งหมด 1,200 คน
สภาเขต มีหน้าที่ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล และช่วยสร้างแรงสนับสนุนทางการเมืองให้รัฐบาล คณะกรรมการเลือกผู้บริหารฮ่องกงมาจากการแต่งตั้งของคณะรัฐมนตรีของจีนที่มีนายกรัฐมนตรีจีนนั่งหัวโต๊ะ เมื่อคณะผู้เลือกเสนอชื่อใคร ครม. ของจีนจะเป็นผู้อนุมัติแต่งตั้งคนคนนั้นให้เป็นหัวหน้ารัฐบาลของฮ่องกง
อ้างอิงข้อมูลจาก: cnn.com nypost.com scmp.com theguardian.com |