ชาวเกาหลีเหนือหัวใจสลาย หลังเห็นผู้นำ คิม จอง อึน ผ่ายผอม

  • สื่อทางการเกาหลีเหนือ เปิดเผยภาพถ่ายผู้นำ คิม จอง อึน ในสภาพน้ำหนักลดลงอย่างชัดเจน 
  • ผู้สังเกตการณ์เกาหลีเหนือบางคนกล่าวว่า น้ำหนัก คิม จอง อึน อาจหายไปราว 10-20 กิโลกรัม
  • ผู้คนทั่วโลกสนใจประเด็นสุขภาพของ คิม จอง อึน เนื่องจากเขาไม่เคยแต่งตั้งผู้สืบทอดอำนาจทางการเมือง

Korea Central Television สื่อทางการเกาหลีเหนือรายงานเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ชาวเกาหลีเหนือหลายคนตกอยู่ในสภาพ ‘หัวใจสลาย’ หรือตระหนกอย่างรุนแรง หลายคนแสดงออกด้วยอาการวิตกกังวล คร่ำครวญ หลั่งน้ำตา หลังจากเห็นภาพ ‘รูปลักษณ์ผ่ายผอม’ ของ คิม จอง อึน (Kim Jong-un) ผู้นำสูงสุดของประเทศในสื่อโทรทัศน์ โดยเปรียบกับสิ่งที่เคยเห็นมาก่อนหลายปี 

นี่เป็นการยอมรับอย่างเป็นทางการของสื่อรัฐ เกี่ยวกับสุขภาพของ คิม จอง อึน ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก เนื่องจากที่ผ่านมาข้อสังเกตเหล่านี้มักมาจากสำนักสื่อต่างชาติบางแห่งเท่านั้น

ในประเทศที่สื่อของรัฐควบคุมภาพลักษณ์ของผู้นำอย่างเคร่งครัด ประเด็นสุขภาพของผู้นำสูงสุด มักจะไม่มีการกล่าวถึงในสื่อไม่ว่าในรูปแบบใด และแม้ว่าเคยมีการออกข่าวคาดการณ์เกี่ยวกับสุขภาพของเขามาแล้วหลายครั้งโดยสื่อต่างประเทศ สื่อทางการของเกาหลีเหนือก็ไม่เคยแถลงยอมรับสิ่งใดมาก่อน 

ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวว่าท่าทีดังกล่าว เป็นความพยายามเรียกหาเสียงสนับสนุนภายในประเทศ ขณะที่เขาต้องต่อสู้กับความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่ทวีความรุนแรงขึ้น อันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโควิด-19 การจัดการที่ผิดพลาด การคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหประชาชาติ และภัยพิบัติทางธรรมชาติ 

“ประชาชนอย่างพวกเราเจ็บปวดที่สุดเมื่อได้เห็นสภาพร่างกายที่ผอมลง (ของผู้นำคิม)” สถานีโทรทัศน์ทางการของเกาหลีเหนือแพร่ภาพชายสวมหมวกฟางผู้ไม่ปรากฏชื่อ บอกกล่าวกับนักข่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

Korea Central Television เผยแพร่คลิปวิดีโอสองคลิป คลิปหนึ่งแสดงให้เห็นว่าเขากำลังเข้าชมคอนเสิร์ตในสภาพผ่ายผอมจากปกติเป็นอย่างมาก พลเมืองแห่งกรุงเปียงยางคนหนึ่งบอกว่า “พวกเราเห็นแล้วก็เริ่มหลั่งน้ำตาร่ำไห้”

คลิปที่สอง ซึ่งค่อนข้างผิดธรรมชาติที่สุด เป็นภาพพลเมืองเปียงยางที่ไม่ได้เอ่ยชื่อกำลังบอกกับ Central TV “เมื่อเห็น [ผู้นำคิม] ซูบผอมแบบนั้น พวกเราก็เศร้าใจมาก ทุกคนร้องไห้” 

ภาพในคลิปก่อนหน้านั้นรวมทั้งภาพถ่ายจากการประชุมพรรคแรงงานในเดือนนี้ แสดงให้เห็นเป็นนัยว่าน้ำหนักตัวของผู้นำคิมน่าจะกำลังลดลงเป็นลำดับ โดยผู้สังเกตการณ์เกาหลีเหนือบางคนกล่าวว่า คิม ซึ่งสูงประมาณ 170 เซนติเมตร และก่อนหน้านี้มีน้ำหนักประมาณ 140 กิโลกรัม น้ำหนักอาจลดไปถึง 10-20 กิโลกรัม 

สุขภาพของผู้นำคิมเป็นประเด็นสำคัญอย่างหนึ่งของความสนใจจากโลกภายนอก เนื่องจากผู้นำวัย 37 ปีคนนี้ไม่ได้แต่งตั้งผู้สืบทอดตำแหน่งที่จะรับหน้าที่ดูแลคลังอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ซึ่งมีวิถีการยิงเล็งไปยังสหรัฐอเมริกาและประเทศพันธมิตร ในกรณีที่เขาตกอยู่ในสภาพไร้ความสามารถ หรือเหตุฉุกเฉินใดๆ ก็ตาม

การวิเคราะห์ภาพดังกล่าวเป็นไปหลายแนวทาง นักวิเคราะห์บางคนในกรุงโซลกล่าวว่า คิมมีแนวโน้มว่าจะผ่านกระบวนการควบคุมอาหารเพื่อพยายามปรับปรุงสุขภาพ ขณะที่ผู้สังเกตการณ์คนอื่นคาดการณ์ว่า สภาพการสูญเสียน้ำหนักของเขา อาจมีต้นเหตุมาจากปัญหาสุขภาพ

บรรดานักวิเคราะห์ชาวเกาหลีใต้แสดงความเห็นผ่านสื่อหลายรูปแบบว่า โดยปกติแล้วทางการเกาหลีเหนือไม่มีวันจะยอมให้เกิดภาพลักษณ์ไม่ดีต่อตัวผู้นำ แต่ครั้งนี้อาจไปเป็นได้ว่าสื่อเกาหลีเหนือต้องการแสดงนัยบอกข่าวว่าผู้นำสูงสุดของตนลงมือควบคุมน้ำหนักโดยความประสงค์ของตนเอง

“คิม จอง อึน กำลังใช้ตัวเองเป็นเวทีโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อเน้นย้ำภาพลักษณ์ของผู้นำที่กำลังทุ่มเททำงานหนักเพื่อประชาชนของเขาอย่างหามรุ่งหามค่ำ ตลอดกลางวันและกลางคืน” ผู้วิเคราะห์แสดงความเห็นต่อการเผยแพร่คลิปครั้งนี้ 

เป็นที่รู้กันดีว่า คิม จอง อึน ขึ้นชื่อมานานเรื่องความโปรดปรานอาหารชั้นเลิศมื้อใหญ่ การดื่มอย่างหนัก และสูบบุหรี่จัด เขาเกิดในครอบครัวที่มีประวัติเป็นโรคหัวใจ ทั้งพ่อและปู่ของเขาซึ่งปกครองเกาหลีเหนือมาก่อนหน้า ด้วยรูปลักษณ์ร่างกายแบบเดียวกันกับเขาเองขณะนี้ ต่างก็ได้เสียชีวิตจากไปด้วยปัญหาโรคหัวใจช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ผู้นำคิมได้เรียกร้องให้ประชาชนเกาหลีเหนือเสริมสร้างความสมัครสมานสามัคคี เพิ่มความเข้มแข็งเพื่อเอาชนะสิ่งที่เขาเรียกว่าสภาพวิกฤติในขั้น ‘เลวร้ายที่สุด’ อันเกิดขึ้นนับเนื่องจากการปิดพรมแดนหลังจากเกิดการระบาดครั้งใหญ่ของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้ปริมาณการค้าระหว่างประเทศของเกาหลีเหนือลดลงอย่างรวดเร็ว การคว่ำบาตรที่นำโดยสหรัฐอเมริกา และพายุฤดูร้อนที่ทำลายพืชผลการเกษตรเมื่อปีที่แล้ว

ที่มา:

Author

ไพรัช แสนสวัสดิ์
ทำงานหนังสือพิมพ์รายวันฉบับภาษาอังกฤษมาทั้งชีวิต มีความสนใจในระดับหมกมุ่นหลายเรื่อง อาทิ ประวัติศาสตร์ วรรณคดี การเมือง สังคม วัฒนธรรม ศิลปะ จักรยาน ฯลฯ ช่วงทศวรรษ 2520 มีงานแปลทะลักออกมาหลายเล่ม หนึ่งในนั้นคือ Bury my heart at Wounded Knee หรือ ฝังหัวใจข้าไว้ที่วูนเด็ดนี
ปัจจุบันเกษียณตัวเองออกมาทำงานแปลอย่างเต็มตัว แต่ไม่รังเกียจที่จะแปลและเขียนบทวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศ หากเป็นประเด็นที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อชาวโลก

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า