สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การชุมนุมปราศัยเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2563 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำให้นายณฐพร โตประยูร ผู้ร้อง เห็นว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวจะเป็นตัวแปรที่สามารถเอาผิดและยุบพรรคก้าวไกลได้ ตามที่ตนได้มีการยื่นคำร้องกับ กกต. ไว้
วันนี้ (11 พฤศจิกายน 2564) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงแสดงความกังวลต่อคำวินิจฉัยดังกล่าวว่า จะส่งผลให้สถานการณ์แบ่งขั้วทางการเมืองรุนแรงมากขึ้น และอาจถูกฝ่ายรัฐบาล เจ้าหน้าที่รัฐ ตลอดจนกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม นำไปใช้เป็นเครื่องมือโจมตีการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน ซึ่งหากผลเสียข้างต้นเกิดขึ้นจริงศาลรัฐธรรมนูญจะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ
“พรรคก้าวไกลยังยืนยันว่า การคลี่คลายปัญหาความเห็นแตกต่างทางการเมืองปัจจุบันต้องอาศัยความเข้าใจต่อความจริงอันน่ากระอักกระอ่วนใจแห่งยุคสมัยให้ถูกต้อง อย่ามองว่านี่เป็นภัยของชาติ อย่ามองอนาคตของชาติเป็นศัตรู และต้องพยายามแสวงหากุศโลบายที่ดีในการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันพระมหากษัตริย์กับสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่ให้ได้
“แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวานนี้ กลับจะยิ่งทำให้สังคมไทยหนีห่างออกจากเส้นทางนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะส่งผลให้เกิดความเสียหายรุนแรงในสังคมได้ในอนาคต ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ศาลรัฐธรรมนูญและเครือข่ายต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ”
ส่วนกรณีข้อกล่าวหาที่อ้างว่าจะเป็นเหตุในการยุบพรรคก้าวไกล ชัยธวัชแถลงว่า เป็นข้อกล่าวหาที่เป็นเท็จและไม่อาจเป็นเหตุให้ยุบพรรคได้
“ไม่ว่าจะเป็นข้อกล่าวหาเรื่องการที่มีผู้แทนราษฎรของเราไปร่วมสังเกตการชุมนุมก็ตาม การที่มีผู้แทนราษฎรของเราไปช่วยเหลือในการประกันตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีการเมืองก็ตาม รวมถึงการเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญาในฐานความผิดหมิ่นประมาท รวมทั้งมาตรา 112 ก็ตาม เรายังยืนยันว่า การกระทำของเราไม่เข้าเหตุในการยุบพรรค เพราะเป็นการใช้สิทธิและทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ดีของประชาชน และเป็นการประกันสิทธิเสรีภาพที่รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญ
“ถ้าบอกว่าการไปประกันตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดี 112 เป็นการล้มล้างการปกครอง หลังจากนี้สังคมไทยคงต้องกำหนดให้ชัดเจนว่า ข้อหาไหนบ้างต้องไม่ได้รับสิทธิในการประกันตัวโดยเด็ดขาด เพราะถือเป็นการล้มล้างการปกครอง
“แต่ปัจจุบัน ไม่ว่าประชาชนจะถูกแจ้งข้อกล่าวหาเช่นใดก็ตาม ทุกคนมีสิทธิขั้นพื้นฐานในกระบวนการยุติธรรมที่จะได้รับการประกันตัวออกมาจนกว่าจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด การเสนอกฎหมายก็เป็นอำนาจหน้าที่ของสมาชิกสภานิติบัญญัติในระบบปกติอยู่แล้ว
“เราก็ยังยืนว่าข้อกล่าวหาเหล่านั้น เป็นการกล่าวหาเท็จ และมีเจตนาที่จะทำลายล้างพวกเราในทางการเมือง ไม่เข้าเหตุในการยุบพรรค และเราก็จะต่อสู้เรื่องนี้อย่างถึงที่สุด”
ชัยธวัชยังแสดงจุดยืนของพรรคก้าวไกลเป็นการทิ้งท้ายว่า ไม่ว่าอย่างไร พรรคก้าวไกลก็จะยืนยันที่จะต่อสู้ตามหลักประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน
“สุดท้ายไม่ว่าจะมีแรงเสียดทานอย่างไรก็ตาม พวกเราพรรคก้าวไกลยังคงยืนยันที่จะต่อต้านการล้มล้างการปกครองของคณะรัฐประหารและฝ่ายอนุรักษนิยมอย่างถึงที่สุด และเราจะยังยืนยันที่จะต่อสู้เพื่อพิพักษ์ระบอบประชาธิปไตยที่อำนาจสูงสุดนั้นเป็นของประชาชน ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานในการที่จะสร้างชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
“หากเราถอยห่างจากหลักการแบบนี้ ก็ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะมีพรรคการเมืองอย่างพวกเราอยู่ ดังนั้น ยืนยันที่จะเดินหน้าต่อสู้เคียงข้างกับพี่น้องประชาชนอย่างถึงที่สุด”