อา…สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ถ้าท่านผู้อ่านได้อ่านบทความนี้ก่อนปีใหม่มันก็คงจะดีเพราะมันหมายถึงว่าผมส่งบทความนี้ให้พวกโอตาคุที่ WAY ทันก่อนปีใหม่ แต่ดูทรงแล้ว…ไม่น่าทัน
ในบรรยากาศที่ปีใหม่กำลังใกล้เข้ามาถึงนี้ จะว่าไปมันก็เป็นเหมือนช่วงเวลาพิเศษๆ ช่วงหนึ่งในรอบปีที่สำคัญและน่าสนใจอยู่ไม่น้อย
คนเริ่มน้อย ถนนเริ่มเบาบาง ยิ่งกับคนที่ต้องเดินทางในกรุงเทพฯ ทุกวัน ถ้าไม่ได้หนีออกไปเที่ยวไหน แค่อยู่กรุงเทพฯ ช่วงปีใหม่นี่มึงคือสวรรค์น้อยๆ แล้ว ขึ้นรถลงเรืออะไรก็ไม่ค่อยต้องให้เบียดเสียดทะเนียดยัดเหมือนวันเวลาปกติ ที่มึงจะแน่นไปไหนวะ อากาศก็เหมือนจะดีขึ้นหน่อยนึง ผู้คนก็ทยอยกลับบ้าน จิตใจมึงไม่มีใครอยู่กับเนื้อกับตัวแล้วเวลานี้ ไหนจะเตรียมตัวหยุดยาว วันเวลาก็หมดไปกับตระเวนกินชาบูบุฟเฟต์ เตรียมรอวันหยุดสองวันสิ้นปีกับปีใหม่
แล้วไอ้ที่ว่าสองวันนั่นมันก็แค่ตามนิตินัย แน่นอนว่าตามพฤตินัยมึงต้องมีเสาร์อาทิตย์แถมพกเป็นคอมโบใหญ่ เบาะๆ ก็สี่วัน ไหนจะลาเอาเอง ไหนจะออฟฟิศแถมให้ ไหนจะรัฐบาลแถมเพิ่ม นอนรอดูทีวีเคาน์ดาวน์จุดพลุเฮกันอย่างยิ่งใหญ่ ให้ได้ย้ำเตือนกันว่ามึงเผาเวลาหมดกันไปอีกปีหนึ่ง แถมลุงป้อมก็ยังไม่ผิดอีก เมจิคโมเมนต์มันต้องแบบนี้สิวะ!
แต่ประเด็นก็คือ!
ที่จีนไม่มี
คือเราท่านน่าจะเคยเห็นกิจกรรมเคาน์ดาวน์ของแผ่นดินใหญ่ผ่านตากันมาบ้าง มีรายการร้องเพลงข้ามคืน จุดพลุจุดไฟกันอลังการกันอย่างยิ่งใหญ่ ชวนให้เข้าใจไปได้ไม่ยากว่าเมืองจีนมีมาตรฐานสากล จนเมื่อคุณได้รู้จากเพื่อนร่วมงานนู่นแหละว่า…
…วันที่ 31 ธันวาไม่ใช่วันหยุดนะมึง
ห้ะ!?
วันที่ 1 มกรา ขึ้นปีใหม่สากลน่ะใช่ หยุดเหมือนชาวโลกทั่วไป คนจีนก็เป็นชาวโลกนะโว้ย แต่วันที่ 31 ธันวาไม่มีหยุดเหรอวะ? พวกก็ตอบกลับมาหน้าตาเฉยว่า อ้าว! ทำไมต้องหยุด ก็มันยังไม่ใช่วันปีใหม่นี่
เมื่อวันขึ้นปีใหม่มึงก็ไม่ต่างจากวันหยุดราชการวันหนึ่งทั่วไป การต่อคอมโบวันหยุดในช่วงนี้จึงไม่สามารถทำได้ในเมืองจีน ก็จะมีแค่ฝรั่งที่อยู่ในจีนที่พอจะแหกด่านหักค่ายเก็บวันลามาพักร้อนกันยาวๆ ตั้งแต่วันที่ 25 ได้บ้างนิดหน่อย เพราะอ้างว่าหยุดคริสต์มาสไง ฟิลิปปินส์ก็หยุดตามฝรั่งไปด้วยเลย เหลือคนไทยนั่งอยู่กันแบบงงๆ
แต่ก็ใช่ว่าคนจีนจะตัดขาดกับสากลโลกกันไปเลย ยิ่งในเซินเจิ้นที่อยู่ติดฮ่องกงแค่รถไฟฟ้าไม่กี่สถานี เราจึงพอได้เสพบรรยากาศปีใหม่+คริสต์มาสกันพอกล้อมแกล้มจากเพื่อนร่วมงานฮ่องกงกันบ้างพอไม่ให้เหงา
ถึงคนจีนจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับช่วงเวลาปีใหม่มากเหมือนชาวโลกทั่วไป ส่วนหนึ่งก็อาจจะเพราะเตรียมจัดหนักชุดใหญ่ตอนตรุษจีนกันมากกว่า หยุดดุ หยุดจริง ลากันยาวนานสองอาทิตย์โน่น แต่ปีใหม่สากลนั้นก็ไม่ถึงกับไร้ความหมาย ในช่วงเวลานี้บรรยากาศในเซินเจิ้นมักจะเป็นบรรยากาศงานฉลองเล็กๆ ในหมู่เพื่อนฝูง เลี้ยงข้าวเย็นอะไรกันนิดหน่อยให้มันเข้ากับบรรยากาศ คือมึงหยุดวันเดียวมึงก็ไปไหนไม่ได้ปะ ก็กิน เที่ยวเล่น ซื้อของ แค่นั้น
พูดถึงวันหยุดนี่ อาจจะเพราะคนจีนอาจจะไม่ค่อยเชี่ยวเรื่องการกินตามน้ำกับวันหยุดสั้นๆ ก็เป็นได้ ถ้าเทียบกับวันหยุดเมืองไทยแล้ว เมืองจีนไม่ใคร่จะมีวันหยุดยิบๆ ย่อยๆ หยุดเล็กหยุดน้อยแบบเมืองไทยเราเท่าไหร่ ถ้าเอาปฏิทินมากางดูแล้ว วันหยุดประจำปีของจีนก็มีแค่
1 มกราคม วันปีใหม่ หยุด 1 วัน
วันที่ 1 ของเดือนที่ 1 ตามปฏิทินจันทรคติ เป็นวันตรุษจีน หยุด 3 วัน ไปต่อคอมโบเอาเอง ยิ่งเก๋าคอมโบยิ่งยาว ลากได้ 2 อาทิตย์ 3 อาทิตย์ก็มี
ช่วงเมษายน มีวันเชงเม้ง หยุด 1 วัน
1 พฤษภาคม วันแรงงาน หยุด 1 วัน
วันที่ 5 เดือน 5 จันทรคติ Dragon Boat Festival หรือวันกินบ๊ะจ่าง หยุด 1 วัน
วันที่ 15 เดือน 8 จันทรคติ วัน Mid Autumn หยุด 1 วัน
1-3 ตุลาคม วันชาติ หยุด 3 วัน ตรงนี้ก็ต่อคอมโบได้อีกตามความถนัด
รวมๆ ตามปฏิทินแล้วคนจีนเหมือนจะมีวันหยุดต่อปีแค่ 11 วันเท่านั้น มีของแถมหน่อยนึงเป็นวันสตรีสากลที่เฉพาะผู้หญิงได้หยุดงานอีกครึ่งวัน ถ้าเป็นพนักงานบริษัท ช่วงบ่ายของวันสตรีนี่มึงก็วันมาคุดีๆ นี่เอง เพราะผู้หญิงหายหมดออฟฟิศ แล้วพวกนางก็จะเริ่มทยอยอัพรูปไปรวมตัวกินข้าวกินเลี้ยงกันตามศูนย์การค้า ตกเย็นผับบาร์วันนี้ก็มักจะให้ผู้หญิงเข้าฟรีบ้าง ดื่มฟรีบ้าง ฟากผู้ชายมึงก็นั่งทำงานหน้าดำคร่ำเครียด เหงื่อๆ มันๆ ดูดบุหรี่แมนๆ กันไป นี่ออฟฟิศหรือโรงเรียนชายล้วนวะ
รวมๆ แล้วจะเห็นได้ว่า วันหยุดของชาวจีนแผ่นดินใหญ่นั้นจะไม่มีหยุดยิบหยุดย่อยให้หาเรื่องติดปลายนวมอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอัน เน้นหยุดพร้อมกันแบบยิ่งใหญ่ไปเลยสองครั้งต่อปีคือตรุษจีนกับวันชาติ ส่วนปีใหม่นั้น มึงก็เป็นแค่วันหยุดวันหนึ่งที่อาจจะมีอะไรให้อินได้บ้างตามชาวโลก…แต่มึงก็หยุดแค่วันหนึ่ง อาจจะมีกินเลี้ยงกันขำๆ อุ่นเครื่องรอตรุษจีน
วันสำคัญมันจะสำคัญไม่สำคัญก็ดูที่หยุดเยอะแค่ไหน ยิ่งหยุดมากยิ่งสำคัญมาก ไม่ใช่พวกวันช้างไทยงี้ วันฮวยบ่ข่วยงี้ อะไรก็ไม่รู้ไม่มีหยุดงานใครจะไปสนวะ ตั้งกันจัง
เมื่อถึงตรุษจีน พี่ใหญ่ตัวจริง ด้วยความที่เป็นเทศกาลวันหยุดใหญ่ บรรยากาศวันหยุดสองช่วงนี้จึงหยุดงานกันอย่างเข้มข้นและเต็มไปด้วยความจริงจัง เริ่มตั้งแต่การเตรียมตัวเดินทาง ด้วยความที่ประเทศจีนเป็นประเทศกว้างใหญ่ การจะเดินทางกลับบ้านเกิด กลับภูมิลำเนาเพื่อไปเยี่ยมครอบครัวนั้นจึงเป็นเรื่องใหญ่ไปตามขนาดประเทศ หลายๆ คนใช้เวลานั่งรถไฟความเร็วสูงเดินทางกลับบ้านเกิดเบาะๆ 20-30 ชั่วโมง ไม่ต้องไปพูดถึงการนั่งรถไฟขนผัก ตั๋วเครื่องบินไม่ต้องไปหวัง หาตั๋วออกไปเที่ยวต่างประเทศน่าจะง่ายกว่าซื้อตั๋วเครื่องบินกลับบ้าน
เอาจริงๆ ในช่วงนี้จะตั๋วโดยสารอะไรก็หายากไปเสียหมด ทั้งรถไฟ เครื่องบิน หรือรถทัวร์ บางส่วนที่มีพาหนะส่วนตัว ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ หรือรถพ่วง ก็จะมีการรวมตัวกันเป็นขบวนคาราวานใหญ่เพื่อเดินทางข้ามประเทศไปด้วยกันเป็นที่ครื้นเครง
เราคนไทยในบริษัท ล.ว.ก. (ชื่อย่อบริษัทที่เคยทำงานอยู่ ผมมันประเภทกล้าด่าไม่กล้าโดนฟ้อง เดี๋ยวมีแซะกันอีกเยอะ) ก็หยุดตามๆ คนจีนเขาไป บางคนก็ไปเที่ยวประเทศอื่น บางคนก็กัดฟันบินกลับไทย จะแอร์อีเชี่ยว รักคุณเท่าฟ้า รักหมาเท่าคุณ หรือจะแอร์จีน แอร์อาหรับ ก็พร้อมใจกันขึ้นราคามาเท่ากันอย่างถ้วนหน้าและทั่วถึงกัน ดังนั้นจองสายการบินไหนได้ก็จองๆ ไปเถอะ
แต่ถ้าปีไหนคุณมึงยอมให้ความขี้เกียจหรือส่วนต่างราคาตั๋วเครื่องบินพุ่งสูงจนเกินรับได้ ซี่งจริงๆ แล้วก็ผิดที่มึงเอง ที่มัวแต่ติดประมาทลอยชายไม่รีบจองตั๋วเสียแต่เนิ่นๆ ก็เลยต้องเลือกนอนเหี่ยวอยู่ในเซินเจิ้นแทน คุณก็จะพบว่า เมจิคโมเมนต์ของเมืองใหญ่ที่ไหนมันก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่นี่หว่า ดีไม่ดีเซินเจิ้นในวันหยุดมึงจะไปไกลกว่ากรุงเทพฯ เพราะไม่ใช่แค่บริษัทหรือราชการหยุดงาน แต่หยุดลามไปถึงศูนย์การค้าที่เหลือร้านเปิดทำการกันไม่ถึงครึ่ง เพราะเขาหยุดกันจริงจัง ไม่เหลือคนอยู่ทำงาน อย่าว่าแต่ศูนย์การค้าเลย ร้านสะดวกซื้อมึงก็ปิด ร้านข้าวปิด ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดเตลิดปิดหมด
การวางแผนต่อคอมโบหยุดงานยาวๆ แบบนี้จะว่าก็เป็นศิลปะอย่างหนึ่ง หยุดมากไปก็อาจจะโดนนายด่า หยุดน้อยไปก็จะได้มานั่งทำงานแบบงงๆ เงียบๆ คนเดียวในออฟฟิศ มองเดสก์ท็อปอย่างเหม่อลอย
ไอ้ครั้นจะเล่นง่ายๆ ตรงไปตรงมาแบบชาวบ้านหยุดวันไหนกูก็หยุดตามเขา ตามคนส่วนใหญ่ไป ก็อาจจะไปติดปัญหาเรื่องหาตั๋วเครื่องบินไม่ได้ ไอ้ตั๋วที่เหลือก็มีแต่ราคามหาโหด เจอแบบนี้มันก็ต้องหาวิธีหลบ อาจจะลาเพิ่ม หยุดก่อนวันหยุด หรือรอเขาหยุดกันแล้วค่อยหยุด โยกหน้าโยกหลัง เผื่อราคาตั๋วมันจะถูกลง โยกเยอะไปก็ไม่ดี มึงกลับมาช้ากว่าชาวบ้านไปสักสองสามอาทิตย์เดี๋ยวหัวหน้ามึงจะรู้ตัวว่าไม่ต้องมีกูมึงก็อยู่กันได้นี่หว่า