วันที่ 10 ตุลาคมของทุกปี องค์การอนามัยโลก (World Health Organization: WHO) ประกาศให้เป็น ‘วันสุขภาพจิตโลก’ ทว่าสุขภาพจิตของคนทั่วโลกกลับยังคงย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง
เอกสาร ‘World Mental Health Day 2022: Make mental health & well-being for all a global priority’ ระบุว่า สภาวะการระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อให้เกิดความเครียดทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอย่างต่อเนื่อง จากการคำนวณพบว่า อัตราของภาวะวิตกกังวล (Anxiety) และโรคซึมเศร้า (Depressive Disorders) เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 25 ของอัตราปกติในปีแรกของการระบาด ทว่าระบบสาธารณสุขทั่วโลกกลับมีสภาวะชะงักงันมากขึ้น เนื่องมาจากสภาพปัญหาที่ทวีคูณจากหลายสาเหตุ
ปี 2564 คนไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปป่วยเป็นโรคซึมเศร้าประมาณ 1.5 ล้านคน ขณะที่ศูนย์สุขภาพจิต กรมสุขภาพจิต พบว่า จากอัตราเฉลี่ยผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจำนวน 100 คน จะมีผู้เข้าถึงการรักษาเพียง 28 คนเท่านั้น และมีความพยายามฆ่าตัวตาย 6 คนต่อ 1 ชั่วโมง หรือมากกว่า 53,000 คนต่อปี ทำให้ปี 2565 นี้ยังต้องจับตาอีกมากว่าตัวเลขของผู้ป่วยจะมากน้อยกว่าปีก่อนหน้าเพียงใด
ปัจจุบันมีหลายแนวคิดที่พยายามอธิบายถึงสาเหตุการเพิ่มขึ้นของสภาวะสุขภาพจิตย่ำแย่ในปัจจุบัน แนวคิดหนึ่งมาจาก ศ.สรวิศ ชัยนาม ที่ระบุว่า สภาพสังคมมีส่วนทำให้ผู้คนป่วยเป็นโรคซึมเศร้าและปัญหาสุขภาพจิตอื่นๆ ได้ง่ายมากขึ้น ซึ่ง ‘สัจนิยมแบบทุน’ ทำให้ปัจเจกโทษตัวเองมากยิ่งขึ้น เมื่อประสบปัญหาก็จะต้องหาทางพัฒนาตัวเองมากขึ้น ในขณะที่สังคมแบบทุนนิยมจะบีบให้ทุกคนต้องพยายามอย่างไม่สิ้นสุด ไม่เพียงพอ และมองว่าบาดแผลที่แต่ละคนได้รับเป็นเพราะปัญหาส่วนบุคคล ปัญหาสุขภาพจิตจึงเกิดขึ้นตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ขณะเดียวกัน นอกจากปัญหาที่เกิดจากสภาพสังคมเศรษฐกิจโดยรวมแล้ว WHO ยังระบุไว้เช่นเดียวกันในบทความ ‘Reshaping work environments to promote and protect mental health’ ว่า สถานที่ทำงานก็สามารถเป็นโอกาสและเป็นฝันร้ายของการรับมือปัญหาสุขภาพจิตด้วยเช่นกัน โดยการสนับสนุนและป้องกันปัญหาสุขภาพจิตในที่ทำงานถูกระบุว่าเป็นความรับผิดชอบของผู้ประกอบการและรัฐบาล ทว่านโยบายเหล่านี้กลับเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นน้อยครั้งที่สุดเมื่อเทียบกับนโยบายอื่นๆ
ด้วยเหตุนี้ WHO จึงลงความเห็นว่า องค์กรที่มีความยืดหยุ่นเรื่องเวลาทำงาน สามารถรักษาความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-life Balance) รวมไปถึงมีการจัดอบรมผู้บริหารให้มีทักษะและความรู้ในการสนับสนุนสภาวะสุขภาพจิตที่ดีต่อลูกจ้าง ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรับมือกับสภาวะสุขภาพจิตย่ำแย่ของคนในสังคมทั่วโลก
วันสุขภาพจิตโลกปี 2022 นี้ จึงเป็นอีกหนึ่งโอกาสสำคัญสำหรับการทบทวนนโยบายการรับมือปัญหาของภาครัฐและองค์กรเอกชน เพื่อร่วมกันเยียวยาปัญหาที่ย่ำแย่ลงทั้งจากวิกฤตไวรัสโควิด-19 และพิษเศรษฐกิจ รวมถึงลดอัตราความสูญเสียที่อาจจะเพิ่มมากขึ้นทุกๆ ปี
ที่มา
- https://www.who.int/campaigns/world-mental-health-day/2022
- https://www.who.int/news-room/feature-stories/detail/promoting-and-protecting-mental-health-at-work–addressing-toxic-work-environments
- https://www.bangkokbiznews.com/social/1011008