เยาวชนแคนาดาไม่กล้าพบแพทย์เพราะ ‘เพศสภาพ’ ของตัวเอง

ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย (University of British Columbia) ระบุว่า เยาวชนข้ามเพศชาวแคนาดาเกือบครึ่งหนึ่งไม่กล้าเข้ารับบริการสาธารณสุขเมื่อจำเป็น อีกทั้งความไว้วางใจในตัวผู้ให้บริการด้านสาธารณสุขยังมีส่วนสำคัญต่อการรักษาสุขภาพกายและจิตใจของเยาวชนข้ามเพศด้วย

นักวิจัยวิเคราะห์แบบสำรวจด้านสุขภาพในปี 2013-2014 จากเยาวชนข้ามเพศอายุระหว่าง 14-25 ปี จำนวน 923 คนทั่วประเทศ พบว่า ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามรู้สึกอึดอัดใจเมื่อต้องคุยกับหมอเรื่องเพศหรือปัญหาด้านสุขภาพของคนข้ามเพศโดยเฉพาะ

68 เปอร์เซ็นต์ของเยาวชนตอนต้น (อายุ 14-18 ปี) ไม่สนใจเข้ารับการตรวจสุขภาพจิตในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ 34 เปอร์เซ็นต์ไม่ไปตรวจสุขภาพร่างกายจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเมื่อถึงเวลา ส่วน 47 เปอร์เซ็นต์ของเยาวชนตอนปลาย (อายุ 19-25 ปี) ไม่สนใจตรวจทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต หรือกระทั่งไปตรวจสุขภาพตามปกติ

จากข้อมูลพบว่า บางคนไม่ไปตรวจสุขภาพเพราะคิดว่าอาการที่เป็นอยู่อาจหายได้เอง บางคนมีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายและการเดินทาง แต่มีอีกหลายคนที่บอกว่าไม่กล้าไปพบหมอเพราะเคยเจอประสบการณ์เชิงลบ หรือกลัวว่าหมอจะวินิจฉัยหรือตรวจอาการใดๆ ซึ่งใช้อ้างเป็นเหตุผลที่จะไม่ทำการรักษาต่อ

ผู้เข้าร่วมตอบแบบสอบถามหลายคนยังเล่าถึงประสบการณ์เลวร้ายจากการไปพบผู้ให้การรักษาด้วย เช่น หมอปฏิเสธที่จะออกใบสั่งยา เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับการยืนยันเพศสภาพแบบนี้ให้คนไข้

เบธ คลาร์ก (Beth Clark) นักศึกษาปริญญาเอกผู้ทำงานวิจัยนี้กล่าวว่า เยาวชนข้ามเพศหลายคนเจอเหตุการณ์ชวนอึดอัดและน่าลำบากใจเมื่อไปพบหมอ โดยเฉพาะหมอที่ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญเรื่องสุขภาพของคนข้ามเพศ ผลวิจัยระบุว่า เยาวชนที่พูดคุยกับหมอเรื่องสุขภาพของตัวเองอย่างสบายใจ จะมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายที่ดีกว่า

นอกจากนี้ คนไข้ที่หมอรับรู้เพศสภาพของตนแล้วจะมีสุขภาพโดยรวมดีกว่าคนไข้ที่หมอไม่ทราบเพศสภาพของตนมาก่อน รวมทั้งคนไข้ที่ไม่แน่ใจว่าหมอรู้เพศสภาพของตนหรือไม่

เอลิซาเบธ แซวิก (Elizabeth Saewyc) นักวิจัยอาวุโส อาจารย์ด้านการพยาบาล และผู้อำนวยการองค์กร Stigma and Resilience Among Vulnerable Youth Centre แห่งมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลสรุปของการศึกษาชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการหาวิธีให้บริการด้านสาธารณสุขที่สนับสนุนเยาวชนข้ามเพศมากกว่านี้

“เยาวชนข้ามเพศที่รู้สึกอับอายและถูกแบ่งแยกมีความเสี่ยงที่จะพบปัญหาสุขภาพมากกว่า เพราะฉะนั้นเราควรตระหนักว่าการที่พวกเขาไม่ไปตรวจสุขภาพทั้งๆ ที่จำเป็นต้องไปคือเรื่องที่น่ากังวล เรามีส่วนต้องรับผิดชอบ ทั้งบุคลากรด้านสาธารณสุข นักศึกษาด้านสาธารณสุข และผู้กำหนดนโยบาย เพื่อพัฒนาความสามารถในการรักษาปัญหาสุขภาพของคนข้ามเพศ และทำให้คนไข้มั่นใจในบริการที่พวกเขาได้รับ”


อ้างอิงข้อมูลจาก: sciencedaily.com
สนับสนุนโดย

Author

กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า