วันที่ 16 สิงหาคม 2567 เวลา 10.00 น. ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย ได้รับเสียงสนับสนุนเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ด้วยคะแนนเสียงทั้งสิ้น 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง จากจำนวน สส. ทั้งสิ้น 493 คน ทำให้นางสาวแพทองธารกลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยและนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2 ของประเทศไทย
การเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 นี้ เกิดภายหลัง นายเศรษฐา ทวีสิน ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมที่ผ่านมา จากปมแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน ผู้เคยต้องโทษละเมิดศาลเป็นรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลเสนอชื่อ นางสาวแพทองธาร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ตามมติกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ที่สะท้อนเสียงความต้องการของ สส. ในพรรค ก่อนตั้งโต๊ะแถลงข่าว แม้ก่อนหน้านี้จะมีชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ อีกหนึ่งแคนดิเดตออกมา ภายหลังแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเดินทางเข้าบ้านจันทร์ส่องหล้าเมื่อคืนวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา
โดยในช่วงเช้าก่อนการโหวต นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.จังหวัดสระแก้ว เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อนางสาวแพทองธาร โดยมีผู้รับรองทั้งสิ้น 291 เสียง โดยไม่มีผู้เสนอชื่ออื่นชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ด้านนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้แต่งกลอนสนับสนุนนางสาวแพทองธารผ่านแพลตฟอร์ม X พร้อมระบุว่า ขอต้อนรับ นายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดของเมืองไทย “เป็นแพ นำพา ประชาชน ก้าวข้ามพ้น ความทุกข์ยาก สู่สุขศานต์ บนแสงทอง ส่องหล้า แพทองธาร อรุณรุ่ง เบิกบาน พร้อมไชโย”
พร้อมทั้งลุกขึ้นประท้วงไม่ให้ฝ่ายค้านอภิปรายคุณสมบัติของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี และขอให้ดำเนินการลงคะแนนทันที พร้อมด้วย นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ก็ลุกขึ้นแสดงความไม่เห็นด้วยต่อการอภิปราย ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา วินิจฉัยให้ประธานวิปรัฐบาลและฝ่ายค้านตกลงกัน จนได้ข้อสรุปว่า ให้สามารถอภิปรายได้ไม่เกิน 20 นาที โดยไม่แตะเรื่องคุณสมบัติหรือนโยบาย
“ผมขานรับนะครับ เห็นด้วยว่าพวกเรา โดยเฉพาะรัฐบาลที่จะมีในอนาคตควรจะปรับปรุงกฎหมายรัฐธรรมนูญที่เป็นโทษแก่นักการเมืองและพรรคการเมือง และเห็นด้วยที่จะปรับปรุงกฎหมายพรรคการเมือง พรรคการเมืองต้องเกิดง่ายและตายยาก เรามาจับมือกันเพื่อแก้กฎหมายรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย และขออำนวยอวยพรให้ฝ่ายค้านทำงานไปกับรัฐบาลอย่างพร้อมเพรียงนะครับ” นายอดิศร กล่าว
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้ใช้เวลาในการอภิปราย แสดงความไม่เห็นด้วยต่อการใช้ ‘นิติสงคราม’ จากชนชั้นนำในการทำลายอำนาจสูงสุดที่เป็นของประชาชน จึงขอเชิญชวนให้นายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้น แก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ ให้เป็นไปตามหลักสากล สร้างประชาธิปไตย แม้ว่าพรรคประชาชนจะลงมติไม่เห็นชอบก็ตาม แต่เป็นการสงวนจุดต่าง แสวงจุดร่วมทางการเมือง
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า จากเหตุการณ์ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 และประมุขของฝ่ายบริหาร ต้องพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ไปพร้อมๆ กันในช่วงเวลาไม่กี่วัน ทำให้เกิดสภาพสุญญากาศทางการเมือง ที่ผ่านมาเราเห็นได้ไม่กี่ครั้งนอกจากมีการรัฐประหาร แต่วันนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป สะท้อนว่าเรากำลังอยู่ในระบอบประชาธิปไตยไม่เต็มใบอีกรูปแบบหนึ่ง
“ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา หลังจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้บังคับใช้ ได้พิสูจน์แล้วว่าแนวคิดแบบนี้ไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย ซ้ำร้ายรัฐธรรมนูญฉบับนี้ยังถูกเอาไปใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งจากชนชั้นนำ ที่ใช้อำนาจเหล่านั้นมาทุบทำลายผู้แทนราษฎร ผู้ทรงอำนาจจากประชาชน
“เราลงมติไม่เห็นชอบ เพราะต้องการสงวนจุดต่าง ใช้หลักการเดียวกันกับที่พวกเราได้โหวตเลือกคุณเศรษฐา ทวีสิน เมื่อปีที่แล้ว เพราะเราไม่เห็นด้วยกับการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ ผมอยากจะให้เพื่อนสมาชิกเข้าใจ การทำงานการเมืองคือการแสวงหาจุดร่วมสงวนจุดต่าง วันนี้ผมมีจุดต่างกับท่าน เราเคารพท่าน ผมก็เชื่อว่าทุกท่านเคารพในความเห็นของพวกเรา”
ส่วนนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวตอนหนึ่งก่อนการโหวตเลือกนายกฯ ว่า “7 สิงหา ที่ผ่านมาเป็นวิกฤตใหญ่ทางด้านการเมือง 14 สิงหา ที่ผ่านมาก็เป็นวิกฤตใหญ่ทางด้านการเมือง วันนี้เราจะต้องช่วยกัน ฝากสมาชิกสภาฯ ผู้ทรงเกียรติทุกท่านช่วยกันหาทางออก ผ่าทางตันทางการเมืองของเรา เพื่อที่เราจะคงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ขอให้ท่านใช้ดุลพินิจในการลงมติต่างๆ ด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก”
ทั้งนี้ ผลการลงมติปรากฎว่า สส.พรรคไทยสร้างไทย พรรคฝ่ายค้าน เทคะแนน 6 เสียงสนับสนุนนางสาวแพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลาการประชุม ไม่เข้าร่วมการโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสัมภาษณ์พลเอกประวิตรว่า มองการเลือกโหวตนายกฯ วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง พลเอกประวิตรได้กล่าวพร้อมกับใช้มือตบไปที่ศีรษะผู้สื่อข่าวด้วยท่าทีไม่พอใจ
“อะไร! อะไร! ไร ถามไร ถามไร? ถามไรก็ไม่ได้ยิน แล้วยังถามอีก”
แพทองธาร แถลงขอบคุณคะแนนโหวตนั่งนายกฯ
ในเวลาต่อมา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 31 แถลงข่าวเป็นครั้งแรก ณ วอยซ์เสปซ อดีตสำนักงานช่องวอยซ์ทีวี ที่ทำการพรรคเพื่อไทยแห่งใหม่ ภายหลังสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบ 319 เสียง ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ขอขอบคุณเสียงโหวตจากตัวแทนประชาชนทุกท่าน และพร้อมทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถตามที่ได้รับมอบหมาย อีกทั้งขอบคุณ นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทำงานหนักมาตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เราทุกคนพร้อมทำงานหนักเพื่อพี่น้องประชาชนทุกท่านต่อไป
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่า ความตั้งใจแรกในการทำงานของนางสาวแพรทองธารคืออะไร นางสาวแพรทองธารระบุว่า รอการโปรดเกล้าฯ ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเสียก่อน แล้วค่อยพูดถึงเรื่องการบริหารหรือการตั้งคณะรัฐมนตรีอีกทีหนึ่ง วันนี้ขอขอบคุณเสียงโหวตก่อน อีกทั้งยังรู้สึกตื่นเต้นเป็นมาก
นางสาวแพทองธารกล่าวอีกว่า ในระหว่างโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ไม่คาดคิดว่าจะได้รับการสนับสนุนมากถึงเพียงนี้ ขณะนั้นตนเองอยู่กับพี่ชายและพี่สาว (นายพานทองแท้ ชินวัตร และนางพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์) ด้านคุณพ่อคุณแม่คือ นายทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร ได้โทรศัพท์พูดคุยกันแล้ว
ขณะที่นายทักษิณได้โทรเฟซไทม์เข้ามาอวยพรนางสาวแพทองธาร ขอให้ทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมพูดติดตลกว่า ดีใจอย่างมากที่จะได้เห็นลูกสาวได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ตนเองจะเป็นอัลไซเมอร์
ด้านคุณหญิงพจมานได้พูดคุยกับนางสาวแพทองธารในระหว่างการรับประทานอาหารกลางวันว่า ให้ค่อยๆ รับประทานอาหาร พร้อมบอกให้ดูแลตัวเองให้ดี
ส่วนคำถามที่ว่า จะสามารถรับแรงกดดันทางการเมืองได้หรือไม่ นางสาวแพทองธารมองว่า สามารถจัดการกับแรงกดดันได้ การทำงานตั้งแต่นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาเล่นการเมือง ไม่เคยคิดว่าตัวเองนั้นเก่งที่สุด แต่มีแรงผลักดันในการทำงานที่ชัดเจน มีทีมที่ดีและมีประสบการณ์ มีความตั้งใจ ไม่ว่าตนเองจะอยู่ในตำแหน่งไหนก็จะประสบความสำเร็จได้
นอกจากนี้ นางสาวแพทองธารยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวเป็นภาษาอังกฤษมีใจความว่า พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน สร้างคุณภาพชีวิต และให้อำนาจประชาชน (empower) อีกด้วย