วันที่นางเริ่มเขียนประวัติศาสตร์บทใหม่
เป็นวันเดียวกันกับที่สหรัฐอเมริกาขู่จะทิ้งระเบิดที่คาบสมุทรเกาหลี
นางคลี่ประวัติศาสตร์แล้วเกลี่ยเป็นเส้นสีบางๆ
สลับคำความเพื่อให้งานลงตัว
“…ประ-วัติ-ศาสตร์
ประ-วั-ติ-ศาสตร์
ประ-วัติ-ศาส-ตร์
ประ-วัติ-สาท
ปะ-หวัด-ติ-สาด…”
นางคลี่ไปคลี่มาเหมือนมันจะพันกันยุ่งเหยิง
จนนางต้องเอามือกุมขมับ
นางค่อยๆหยั่งนิ้ววาดสิ่งแวดล้อมเล็กๆ
เผยให้เห็นเป็นบรรยากาศของประเทศไทย
ทอดโค้งด้วยรูปธงชาติพลิ้วไหว
นางเห็นบรรพบุรุษยื่นรอยยิ้มมาให้
นางมองแผ่นน้ำที่แทนด้วยกระดาษ
นางค่อยๆวาด
นางค่อยๆวางความคิด
เมื่อเมฆบางก้อนลอยเข้ามาในกรอบกระดาษ
ปลาบางตัวตอดตุบ
นางเกลี่ยเมฆก้อนนั้นที่ปลาคิดว่าคือเหยื่อ
ย้อมให้เป็นภาพชายคนรักที่อยู่ทางภาคใต้ของประเทศ
ประวัติศาสตร์ของนางซึมซ่านเข้าเนื้อน้ำ
พลิ้วไหวตามแรงลม
แล้วตกลงมาเป็นใบไม้ร่วง
นางมองแผ่นน้ำ
แล้วรู้สึกสั่นหนาวหากเทียบกับแรงกระเพื่อมที่คาบสมุทรเกาหลี
เพียงคำที่ผู้นำโยนใส่กัน
ขวัญผู้คนก็แตกกระเจิงราวมดแตกรัง
นางคิดถึงคนรัก
ที่ฝ่าเท้าชุ่มน้ำค้างทุกค่ำคืน
เดือนเสี้ยวที่เกี่ยวฟ้า
ทำให้นางคิดถึงดาบของบรรพบุรุษที่เคยรักษาผืนดินเอาไว้
นางแต้มความคิดครั้งแล้วครั้งเล่า
เลือกสีฉูดฉาด
เนรมิตเมล็ดข้าวให้เป็นสีทองอร่ามเรืองรองบนทุ่งนา
จัดสนามหญ้าเป็นสนามเด็กเล่นให้กับเด็กๆ
ตั้งแต่ผู้นำปั้นน้ำเป็นผลประโยชน์ต่างตอบแทน
โยนน้ำลายใส่กัน
ประวัติศาสตร์ของความทรงจำก็ดูเหมือนจะเลือนหาย
เช้าถึงค่ำก็ไม่ค่อยปกติ
ท้องฟ้าและผืนน้ำแปรปรวน
ฝนไม่ตกตามฤดูกาล
สายรุ้งถูกทำให้มีแค่ในนิทาน
นางมองไปในภาพประวัติศาสตร์
ตะไคร่น้ำพลิ้วไหวไร้ชีวิตราวกับผืนธงฉีกขาด
ผิวน้ำที่แทนกระดาษเศร้าและเยียบเย็น
ปลายนิ้วของนางเริ่มชา
เล็บหลุด เนื้อหนังยุ่ยเปื่อย
ครู่ต่อมา
ลมบ้ากรรโชก
ท้องฟ้าที่ปลายนิ้วปลิวกระจาย
ลึกลงไปในผืนน้ำนั้นดูลึกลับ
สิ่งเล็กๆที่หลอมรวมเป็นประเทศถูกย้อมเป็นสีเทา
ลมบ้ายังไม่หยุดกรรโชก
ภาพของนางกลายเป็นเพียงความเจ็บเศร้า
นางกอบเก็บเพียงความว่างเปล่า
สัมผัสได้แค่ผิวน้ำที่มิอาจจดจำ.
![]() ปี 2009 ได้รับเกียรติจากสมาคมภาษาฯ และหนังสือแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ คัดเลือกให้รับรางวัลประเภทกวีนิพนธ์ และมีผลงานเข้ารอบในหลายๆ เวทีที่มีการประกวดกวีนิพนธ์ ผลงานรวมเล่มที่ผ่านมา:
|
สนับสนุนวรรณกรรมไทย โดย
สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย
และ สำนักพิมพ์แสงดาว