วงการเพลงกลับมาคึกคักอีกรอบ ไม่ใช่ด้วยเหตุผลการเติบโตของอุตสาหกรรมเพลง แต่มาจากเพลงแร็พ ‘ประเทศกูมี’ โดยกลุ่มศิลปิน RAP AGAINST DICTATORSHIP (RAD) สร้างความสนใจด้วยเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์สังคมอย่างถึงพริกถึงขิงชนิดไม่มีการประณีประนอมแม้แต่บาร์เดียว
ข้อเท็จจริงคือในฝั่งของคนที่ยืนตรงข้ามรัฐบาลทหารนั้นพออกพอใจกับการสื่อสารผ่านบทเพลงนี้เป็นอย่างมาก เพราะนี่คือปากเสียงของความเงียบที่นานๆ จะโผล่มาจากนักทำเพลงสักครั้ง กระนั้นข้อเท็จจริงอีกด้านคือเพลงนี้สร้างความไม่พอใจให้กับคนที่ยืนอยู่ฝั่งรัฐบาลอย่างชัดเจน และประโยคที่หลายคนคงพอเห็นมาบ้างคือเพลงแร็พดังกล่าวเป็นการ “ล้างสมองด้วยเสียงเพลง”
ได้เห็นดังนั้นไพล่นึกและตั้งคำถามว่า แล้วเพลงที่สัญญิงสัญญาว่าจะคืนความสุขและขอเวลาอีกไม่นานควรถูกจัดวางอยู่ในระนาบใด
คิดดังนั้นจึงต้องสืบค้นเพื่อจัดเพลย์ลิสต์เพลงของ ‘ลุงตู่’ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาฟังอีกรอบ และตั้งคำถามในใจดังๆ ว่า เพลงแบบนี้ใช่ไหมที่จรรโลงใจของคนทั้งประเทศ
….
เพลง คืนความสุขให้ประเทศไทย
22 พฤษภาคม 2557 คือวันก่อรัฐประหารของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจากนั้นไม่กี่วันเพลงนี้ก็ถูกปล่อยออกมาเผยแพร่ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพบกเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน โดยมีวรรคทองสำคัญคือ “ขอเวลาอีกไม่นาน” หากไม่นับเรื่องทักษะของการแต่งเพลงและเรียบเรียงดนตรี จะพบว่านี่คือคำสัญญาผ่านบทเพลงที่ให้ความหวังแก่ประชาชนผู้ตกหลุมรักการปฏิรูปเข้าอย่างจัง
เพลงเริ่มต้นด้วยการอ้างว่าชาติบ้านเมืองตกอยู่ในเปลวไฟแห่งอันตรายและความบาดหมาง จึงต้องมีคนเดินเข้ามาช่วยทำให้ประเทศกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง แม้จะเหน็ดเหนื่อยเพียงใด แต่ทหารไทยผู้อาสายึดอำนาจมาปกครองก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ แก่นหลักของเนื้อเพลงมีเพียงเท่านั้น
เพลงนี้ถูกเปิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าผ่านสื่อสารธารณะทั้งวิทยุและโทรทัศน์ แม้จะชอบหรือชังก็ตามทีเราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า เพียงเมโลดี้ของเพลงขึ้นมาหลายคนคงฮัมตามได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม เวลาผ่านไปปีแล้วปีเล่า คำสัญญาที่เคยให้ไว้กลับดูท่าทางจะยืดยาวออกไปเรื่อยๆ กระทั่งไม่มีกำหนดแน่นอน การเลือกตั้งที่เลื่อนแล้วเลื่อนอีกยังไม่เท่าไหร่ แต่ยุทธศาสตร์ชาติที่เอื้อให้ คสช. อยู่ต่ออีกอย่างน้อย 20 ปีนั้น เห็นทีต้องเอาคำว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน” มาชั่งตวงวัดว่าหน่วยนับของเรายังตรงกันอยู่ไหม
เพลง เพราะเธอคือประเทศไทย
ทิ้งห่างจากเพลงแรกไม่นานนัก เพลง ‘เพราะเธอคือประเทศไทย’ ก็ถูกปล่อยออกมาในวันที่ 22 ธันวาคม 2558 โดยถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับการเริ่มต้นปี 2559
เริ่มต้นจากการเปิดเผยความรู้สึกรักและผูกพันต่อชาติบ้านเมือง จึงไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำลาย คล้ายกับเพลงแรกที่อธิบายถึงการอาสาเข้ามาปกป้องแผ่นดินเกิด แต่สิ่งที่แตกต่างคือลูกอ้อนที่แสดงให้เห็นในท่อนฮุคกับการอธิบายว่า เพียงสองมือและหนึ่งลมหายใจของตนซึ่งไม่จีรังยังยืนนั้นคงไม่พอที่จะต่อเติมความฝันได้ จึงขอให้เราซึ่งหมายถึงประชาชนทั้งประเทศช่วยกันเพื่อต่อเติมลมหายใจของประเทศ เนื้อหาทั้งเพลงวนไปเวียนมาแต่เพียงเท่านี้ก่อนตบท้ายด้วยวรรคทองที่ต่อเนื่องจากเพลงแรกหลังยึดอำนาจ ด้วยการบอกว่า “จะคืนความสุขให้กับทุกคน”
เพลง ความหวังความศรัทธา
กรมประชาสัมพันธ์เผยแพร่เพลงนี้เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2559 เป็นหนึ่งเพลงที่ถูกพูดถึงค่อนข้างน้อยหากเทียบกับสองเพลงก่อนหน้า ขณะเดียวกันเนื้อหาก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ ยังคงมีเจตนาเพื่อกระตุ้นให้คนยังคงมีความหวัง อย่าท้อถอย มีศรัทธา สามัคคี และยึดมั่นในพลังแห่งความดีเพื่อประเทศชาติ
อันที่จริงเพลงนี้ไม่น่ามีอะไรให้เขียนมากนัก กระนั้นก็พบว่าในช่วงเริ่มต้นของเพลงมีการใช้คำว่า “รวมพลังกันก้าวข้าม” ซึ่งตีความได้ว่าอยากเห็นสังคมไทยหลุดจากกับดักความขัดแย้งที่คาราคาซังมานานปีเพื่อก้าวไปสู่ประเทศที่ดีกว่า
เพลง สะพาน
4 มกราคม 2560 ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรกของปี พลเอกประยุทธ์ก็ปล่อยเพลงใหม่ลำดับที่ 4 ของตนเองออกมา โดยนอกจากแนวเพลงจะคล้ายกับสามเพลงที่ปล่อยมาก่อนหน้า เนื้อหายังคงมีท่วงท่าแบบเดิมคือการให้กำลังใจ อย่าท้อถอย และตนเองจะอาสาเป็นสะพานให้พี่น้องประชาชนใช้ข้ามไปสู่อนาคตที่สดใส แต่ที่น่าสนใจคือท่อนแยกของเพลงที่ใช้วรรคทองของเพลง ‘คืนความสุขให้ประเทศไทย’ มาย้ำอีกครั้งว่า “เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน” ซึ่งหากนับระยะเวลาหลังจากยึดอำนาจกระทั่งถึงวันที่ปล่อยเพลงนี้ก็นับเวลาได้ 2 ปี 7 เดือน กับอีก 13 วันแล้ว
เพลง ใจเพชร
9 กุมภาพันธ์ 2561 เพลงใหม่ลำดับที่ 5 ถูกเผยแพร่ออกมาด้วยจังหวะที่พอจะโยกหัวได้ ผิดกับเพลงก่อนหน้าที่เน้นเค้นให้ซาบซึ้งตรึงใจ กระนั้นเนื้อหาของเพลงยังคงมุ่งหวังให้จับมือกันก้าวเดินต่อไปด้วยหัวใจที่เสมือนเพชรแท้ แม้อุปสรรคขวากหนามจะขวางกั้นก็จะก้าวข้ามไปได้ด้วยพลังแห่งความดี
อย่างไรก็ตามเพลงนี้ถูกปล่อยในช่วงที่รัฐบาลทหารถูกกระแสต่อต้านหลายอย่างที่สะสมเรื่อยมา จึงทำให้หลังจากปล่อยเพลงนี้ได้ไม่นานกระแสตอบรับบน YouTube เต็มไปด้วยปุ่ม Dislike ซึ่งไม่แน่ใจนักว่าชาวเน็ตไม่ชอบเพลงหรือไม่ชอบรัฐบาลกันแน่
เพลง สู้เพื่อแผ่นดิน
10 เมษายน 2561 เพลงแนวหวานซึ้งกลับมาอีกรอบเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือเครื่องดนตรีไทยที่นำมาผสม ทั้งอังกะลุง และขิม อย่างไรก็ตาม หากต้องกล่าวซ้ำก็จำเป็นต้องอธิบายให้เห็นว่า เนื้อหาของเพลงยังคงไม่ไปไหนมาไหน เริ่มต้นด้วยการตั้งใจสู้เพื่อแผ่นดิน ต่อให้ใครจะติฉินอย่างไรก็จะอดทน และแม้เหนื่อยยากเพียงใดก็จะขอทำเพื่อแผ่นดินด้วยความซื่อตรง เพื่อความหวังว่าพรุ่งนี้ต้องดีกว่าเดิม