เมื่อบ่ายวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้พิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กรณีถือหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด โดยมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พิจารณากรณีคุณสมบัติของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น สส.
นอกจากนั้นศาลรัฐธรรมนูญ ยังมีมติ 8 ต่อ 1 เสียง สั่งให้นายธนาธร หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามที่ กกต. ร้องขอ และบรรทัดถัดจากนี้ นี่คือถ้อยแถลงคำต่อคำของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลังจากมติศาลรัฐธรรมนูญออกมาดังที่กล่าวมาแล้ว
อ่านคำต่อคำ เหตุผลและกลใดที่ศาลรัฐธรรมนูญให้ ‘ธนาธร’ ยุติหน้าที่ สส. |
…..
สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้อง สื่อมวลชน และผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ทุกท่าน ผม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมงานแถลงข่าวในกรณีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่มีขึ้นช่วงบ่ายวันนี้
ช่วงบ่ายวันนี้ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ผม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิสภาผู้แทนราษฏรจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย เนื่องจากศาลมีข้อสงสัยว่า ผมยังเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทวี-ลัค มีเดีย และขาดคุณสมบัติของการเป็นผู้สมัคร สส.
ทุกท่านครับผมขอแสดงความคิดเห็นต่อสาธารณะ ณ ที่นี้ว่า ‘ผมไม่เห็นด้วยกับมติของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว’ ตามเหตุผลที่ อ.ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้แถลงความเห็นทางด้านข้อกฏหมายไปแล้ววานนี้
ผมขอตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการพิจารณาคำร้องของ กกต. เกี่ยวกับความเป็นสมาชิกสภาพของสมาชิสภาผู้แทนราษฏรของผมว่ามีความเป็นธรรมหรือไม่ มีการพิจารณาที่รีบร้อนผิดปกติหรือไม่ มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่?
พวกเรามีเอกสารใหม่ที่เราชี้แจงผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียไปแล้ว เอกสารลงวันที่ 17 พฤษภาคม ส่ง 21 พฤษภาคม มาถึง 22 พฤษภาคม เนื้อหาใจความมีการเรียกสืบพยานจากคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนของคณะกรรมการการเลือกตั้งเพิ่มขึ้น 3 คน หมายความว่า คณะกรรมการสืบสวนขอร้องเรียนในกรณีที่ผมถือหุ้นยังดำรงการสืบสวนอยู่จนถึงวันนี้ คณะกรรมการชุดเล็กยังสืบสวนหาข้อเท็จจริง แสวงหาข้อเท็จจริงในกรณีนี้อยู่ คำถามก็คือเหตุใด คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหญ่ถึงพิจารณาและส่งข้อร้องเรียนนี้ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในวันที่ 16 พฤษภาคม ในขณะที่ชุดเล็กยังแสวงหาข้อเท็จจริงไม่เสร็จ
ผมพูดใหม่อีกครั้งนะครับ เอกสารนี้ลงวันที่ 17 พฤษภาคม เรียกพยานเข้าไปสืบเพิ่มเติมในวันที่ 24 พฤษภาคม หมายความว่าคณะกรรมการชุดเล็กที่สอบสวนคณะนี้อยู่ยังทำงานไม่เสร็จ ยังแสวงหาข้อเท็จจริงอยู่ เหตุใดคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ 7 ท่าน จึงเร่งรีบไม่รอการไต่สวนการพิจารณาของคณะกรรมการชุดเล็กให้สำเร็จเสร็จสิ้น ท่านไปเอาข้อสรุปมาจากไหน ทั้งๆ ที่คณะกรรมการชุดเล็กจากเอกสารฉบับนี้กำลังพิจารณาหาความจริงเพิ่มเติม
ทุกท่านครับ กรณีนี้ไม่ใช่กรณีเดียว ผมกับ อ.ปิยบุตร ได้แถลงหลายครั้งต่อความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับข้อร้องเรียนนี้
ทุกท่านจำได้ไหมครับ กรณีที่ กกต. เรียกคุณสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งเป็นคุณแม่ผมเข้าไปสอบปากคำในข้อร้องเรียน เอกสารหรือจดหมายเรียกคุณแม่ผม (สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ) มาถึงในวันที่ 22 เมษายนตอนบ่าย เรียกให้ไปให้ปากคำในวันที่ 22 เมษายน ตอนเช้าในวันเดียวกัน ใครจะไปได้บ้างครับ? ไม่มีใครไปให้ปากคำในเวลาที่นัดแนะกันในอดีตได้
แล้วหลังจากนั้น 23 เมษายน กกต. ไม่รอเลยครับ แจ้งข้อกล่าวหาผมทันที หนังสือออกมาเรียกคุณแม่ผม 22 เมษายนตอนบ่าย ให้ไปให้ปากคำตอน 22 เมษายนตอนเช้า มันไปไม่ได้อยู่แล้ว แล้ววันที่ 23 แจ้งข้อกล่าวหาเลย โดยที่ฝั่งผมที่เป็นผู้ถูกร้อง ไม่มีโอกาสได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับ กกต.
นอกจากนั้นตามที่เมื่อวานนี้ อ.ปิยบุตร ได้ชี้แจงไปแล้วเกี่ยวกับความเร่งรีบของคดีนี้ หากเปรียบเทียบกับในกรณีของ คุณดอน ปรมัตถ์วินัย ใช้เวลา 417 วัน จาก กกต. จนถึงศาลรัฐธรรมนูญ กรณีของผมตั้งแต่ กกต. รับเรื่องจนถึงศาลรัฐธรรมนูญ เริ่มที่เดียวกัน จบที่เดียวกัน ใช้เวลา 53 วัน จำนวนวันที่แตกต่างระหว่าง 2 กรณีนี้ คือ 364 วัน หรือเกือบ 1 ปี คำถามคือว่า ทุกท่านคิดว่า ผมได้รับความเป็นธรรมจากกรณีนี้หรือไม่ ทุกท่านคิดว่าการทำงานของกระบวนการอิสระที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติในประเทศไทยมีความเป็นธรรมหรือไม่
คำถามที่ผมอยากจะเรียกร้องต่อสาธารณะ คือ การตรวจสอบ ทุกท่านช่วยกันตรวจสอบ ช่วยกันพิจารณามติ กกต. มติของศาลรัฐธรรมนูญเรียก ช่วงพิจารณาร่วมกับผมว่าผมได้รับความเป็นธรรมหรือไม่ มีความพยายามที่จะผลักดันเรื่องนี้เร็วกว่าปกติหรือไม่ ผมอยากจะฝากพี่น้องประชาชนช่วยร่วมกันตรวจสอบการทำงานขององค์กรอิสระ
แต่เอาล่ะครับ ตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ผมหยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปเรียบร้อยแล้วเมื่อตอนบ่ายวันนี้ แต่ผมและพรรคอนาคตใหม่จะเดินหน้ารวมเสียงพรรคการเมืองต่อต้านเผด็จการต่อไป เพื่อให้ธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างไม่หยุดยั้ง (เสียงปรบมือ)
ธนาธรยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ธนาธรยังพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ธนาธรยังมีศักดิ์และสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรี
ผมอยากให้พ่อแม่พี่น้องทุกคนลองยืนเงียบๆ นิ่งๆ แล้วเงี่ยหูฟัง เราได้ยินเสียงของความคลั่งโกรธของผู้คนที่อยู่ข้างนอกไหม วันนี้เราได้ยินเสียงของความไม่พอใจของคนที่อยู่ข้างนอกหรือเปล่า
คสช. ในวันนี้อยู่ในขาลง คสช. และระบอบเผด็จการที่มาพร้อมกับพวกเขา คืออาทิตย์ที่กำลังอัสดง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามสืบทอดอำนาจผ่านการดึง สส. จากพรรคอื่นก็ดี ไม่ว่าความพยายามสืบทอดอำนาจ โดยสกัดผมไม่ให้เข้าสภาผู้แทนราษฎรก็ดี นี่แสดงให้เห็นถึงความสิ้นหวังของเผด็จการ นี่แสดงให้เห็นความพยายามดิ้นรนครั้งสุดท้ายของระบบรัฐประหาร พวกเขาคือกลุ่มคนที่ต้องการให้วันนี้เป็นเหมือนเมื่อวาน เพื่อพวกเขาจะได้เสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของประชาชนอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง
พวกเขาคือความมืด พวกเราคือแสงสว่าง
พรรคอนาคตใหม่ขออาสาเปิดประตูสู่วันพรุ่งนี้
เปิดประตูสู่รุ่งอรุณของวันใหม่
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขออาสาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อหยุดยั้งระบอบ คสช. เพื่อหยุดยั้งระบอบเผด็จการ (เสียงปรบมือ)
ทุกคนอาจจะสิ้นหวัง ทุกคนอาจจะหมดหวัง เมื่อได้ยินข่าวคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ผมอยากจะเรียนพ่อแม่พี่น้องทุกคนที่รักประชาธิปไตย คนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ทุกคนว่า เวลานี้ไม่ใช่เวลาแห่งการสิ้นหวัง แต่เป็นเวลาที่จะเปิดโปงความชั่วร้ายของเผด็จการ
สิ่งที่เกิดขึ้นคือความไม่ยุติธรรม ผมขอเชิญพี่น้องที่ยังรักความยุติธรรมยืดหน้าอย่างสง่าผ่าเผย ลุกขึ้นยืนแล้วต่อสู้ร่วมกัน เพื่อทวงคืนความยุติธรรมกลับสู่สังคม ร่วมสร้างสังคมที่เป็นธรรมนั้นคือภารกิจของเรา คือภารกิจของพ่อแม่พี่น้องที่รักความถูกต้องและประชาธิปไตย
ย้ำอีกครั้ง นี่ไม่ใช่เวลาของการสิ้นหวัง แต่เป็นเวลาของการลุกขึ้นยืนร่วมกัน พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ได้ยินเสียงของผม ชาวอนาคตใหม่ที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ ผมอยากจะบอกว่า ผมจะนำพรรคอนาคตใหม่และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคอนาคตใหม่อีก 79 คน ยังไม่หมดหวัง
ถึงแม้ว่าวันนี้ผมถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แต่ผมยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ ระหว่างรอการวินิจฉัย ผมยังคงจะทำงานอย่างต่อเนื่อง ในเมื่อพวกเขาไม่ให้ผมเข้าสภา ผมก็จะทำงานกับประชาชน ผมจะทำงานในฐานะที่ได้รับความไว้วางใจ 6 ล้าน 3 แสนเสียงทั่วประเทศ (เสียงปรบมือ)
พ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกท่าน ผมขอขอบคุณที่ฟังจุดยืนของผม ของพรรคอนาคตใหม่ ขอบคุณที่ให้ความสนใจ ขอบคุณการสนับสนุนของทุกท่านอย่างต่อเนื่อง ย้ำอีกครั้งนี่ไม่ใช่เวลาของการสิ้นหวังแต่เป็นช่วงเวลาที่ต้องลุกขึ้นยืนอย่างองอาจร่วมกัน
ขอบคุณทุกท่านครับ