ภาพ: นิธิ นิธิวีรกุล
ไม่รู้ว่าเป็นคนเส้นตื้นขี้ขำเป็นทุนเดิมอยู่แล้วหรือเปล่า เพราะนี่ (นี่-สรรพนามบุรุษที่หนึ่ง) กับเพื่อนข้างขวา (เพื่อนข้างขวา-สรรพนามบุรุษที่สอง) นั่งขำกันขี้แตก แต่เพื่อนข้างซ้าย (เพื่อนข้างซ้าย-สรรพนามบุรุษที่สาม) หันมาเหล่ถามว่า ‘เอ่อ… หนูขำอะไรอะ?’
เอ้า… ขำก็คือขำเด้อ
ข้อสังเกตประการที่หนึ่ง ความขำหรือไม่ขำให้กับมุกแบบไหน อาจเกี่ยวกับช่วงวัยที่นี่และเพื่อนข้างขวา มีอายุเฉลี่ยในนิยามของวัยรุ่นตอนกลาง วัยรุ่นตอนกลางที่เส้นความฮาไม่ลึกนัก นโยบายว่าเราจะฮาให้กับเรื่องแบบนี้ และไม่ฮาให้กับเรื่องแบบไหน ยังไม่ค่อยมั่นคงนัก (นโยบายความฮาเช่น เราจะไม่ฮาให้กับมุกเจ็บตัว เพราะไม่ส่งเสริมการทำร้ายร่างกาย ไม่ฮาให้กับมุกคนล้อตุ๊ด กะเทย LGBTQ อะไรแบบนี้เป็นต้น)
ข้อสังเกตประการที่สอง ไม่มีละ และเอาจริงๆ ข้อแรกก็คือแถ เพราะไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมนี่และเพื่อนข้างขวาจึงขำ แต่เพื่อนข้างซ้ายขำที่เราขำ รวมทั้งการต้องตอบคำถาม หลังลงวิดีโอในสตอรี่อินสตาแกรมว่านี่ไปดูเดี่ยวพี่ยู-กตัญญู สว่างศรี กับแสตนด์อัพคอเมดี้ครั้งที่ 3 The Man Who Stand Up ของเขา กับเพื่อนที่อินบ็อกซ์มาถามว่า ‘เป็นไง ดีเปล่า ขำมั้ย’ จะตอบว่าอะไรดี
คิดซับซ้อนและนานมาก ทำไมขำ และทำไมพอเป็นพี่ยู ทุกคนจึงคาดหวังว่าจะขำรึเปล่า?
ถูกๆๆ เพราะความคาดหวังของการซื้อบัตรไปดูแสตนด์อัพคอเมดี้ คือเราอยากสำลักความขำจนสมองปลอดโปร่ง เอาให้โล่ง ให้น้ำตาไหล ให้มาสคาร่าเปื้อนจนเดินออกมาแล้วได้ลุคเซ็กซี่ขยี้เยิ้มสุดๆ แต่เพราะตำนานของพี่ยู คือความเฮี้ยน คือความขำให้กับความไม่ขำ คือความคาดเดาไม่ได้ว่าพี่เขาจะโชว์ให้ขำขี้แตก หรือคนดู (โดยเฉพาะคนไม่รู้จัก หรือรู้จักแต่ไม่สนิท) จะเอาสองมือมัดไว้ที่หน้าอกแล้วนั่งหน้าเครียด หรือโชว์หาวใส่คนที่แสดงบนเวทีให้ใจเสียเล่นไปเลยดี
ประเด็นคือ ที่พิจารณาเหลือเกินว่าขำมั้ย หรือขำเพราะอะไร(วะ)? ย่อมมาจากการถูกสปอยล์ว่า เรามาลุ้นกันนะ… ว่าครั้งนี้จะขำหรือไม่ขำ #อะไรแบบนี้ ไหมนะ?
The Man Who Stand Up ครั้งนี้เขาว่าด้วยเรื่องอะไร?
สรุปแบบเร็วๆ คือพี่เขาก็ ‘ยำ’ การใช้ชีวิตทุกจังหวะของตัวเอง เรื่องอ้วน เรื่องแม่ เรื่องขับรถ เรื่องบอกบาริสต้าที่สตาร์บัคส์ว่าตัวเองชื่อ ‘กงยู’ (ซึ่งเพื่อนข้างขวาหันมาทำปากคว่ำ เขย่าตัวนี่ยิกๆ แบบสื่อว่า #ไอบ้า #รับไม่ได้โว้ย) ตัวเรื่องอาจจะไม่อะไรมาก เพราะเราจะติดตามเรื่องเหล่านี้บนเฟซบุ๊คส่วนตัวของพี่ยูบ้างอยู่แล้ว
แต่อวลบรรยากาศที่พาให้สนุกอยู่ได้ คือกองเชียร์ด้านล่างที่ชูป้ายไฟและขำกันอย่างครื้นเครง ส่งกระแสจิตให้คนทั้งฮอลล์ร่วมกันขำให้กับมุกบางมุกที่มันก้ำๆ กึ่งๆ ว่า #ขำไม่ขำวะมุกนี้ ให้รอดต่อไปได้
ถ้าต้องบอกว่าเอกลักษณ์ของพี่ยูคืออะไร หลักๆ คงเป็นความสบายเนื้อสบายตัวเหมือนมาฟังเพื่อนผู้ชายนั่งนินทากัน ซึ่งมันมีสำเนียงบางอย่างที่ทำให้ แบบว่า… ถึงเราไม่รู้จักพี่ยูมาก่อน แต่ก็เหมือนรู้จักและสนิทกับแม่และนายดีมาก (พี่ชายของนายกตัญญู) ไปแล้ว
ไม่แน่ใจว่าเพราะเคยพูดคุยกับพี่ยูมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะได้เข้าไปพูดคุยกับเขาก่อนหน้าเขาเล่นจริงครั้งนี้รึเปล่า จึงทำให้เรารู้สึกร่วมและอินไปพี่เขาได้ไม่ยาก เห็นความมุ่งมั่น ความมั่นใจ ความหยิ่งทะนงบางอย่างสาดฉายออกมา เราจึงส่งเสียงเชียร์และร่วมขำอย่างบ้าบอไปเช่นนั้น คำตอบคือ… ไม่รู้โว้ย ขำก็คือขำเด้อ… อะไรแบบนี้มั้ง
แต่ถ้าถามว่าตอนเดินออกประตูแล้วมีอะไรยังติดใจหลงเหลืออยู่ ทั้งตลอดการนั่งกลับบ้านและขณะจรดมือเขียน อาจเป็นจังหวะจบการแสดง ลุกขึ้นบิดเอี้ยวตัวจะกลับบ้าน แล้วพบว่าคนที่นั่งเหนือเราขึ้นไปหนึ่งชั้น คือพี่เอ๋-นิ้วกลม นั่งอยู่เหนือหัวช้านนน… #ยิ้มแป้นแล้น
แต่สิ่งที่ยังติดใจในอันดับต่อมา (คือรองจากความชอบใจในตัวคุณเบนซ์ ผู้ที่เล่นเปิดด้วยมุกชีวิตของมนุษย์กรุงเทพฯ กับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ) ก็คือความมุ่งมั่นในตัวคุณกตัญญู สว่างศรี ในชุดสูทครบชิ้น ซึ่งมันฉายพลังออกมาอย่างบ้าบอที่สุด ^^
สุดท้ายนี้ ยังคงส่งแรงเชียร์และรอคอยแสตนด์อัพคอเมดี้ครั้งต่อไปจากคุณ และหวังว่าเราจะได้มีโอกาสเข้าไปร่วมสนทนาและเข้าไปอยู่ในบรรยากาศชวนส่งเสียงขำเช่นนั้นอีก