‘kangaroo court’ หรือ แปลตรงตัวก็คือศาลจิงโจ้ ไม่ใช่การพิจารณาคดีข้อพิพาทระหว่างจิงโจ้แต่อย่างใด หากแต่คือ ‘ศาลเถื่อน’ อันหมายถึงศาลที่ไม่ดำเนินการพิจารณาคดีโดยคำนึงถึงหลักกฎหมายหรือหลักความยุติธรรม ส่วนใหญ่จะเป็นการตั้งขึ้นมาทำงานเฉพาะกิจ
สำหรับตุลาการของศาลประเภทนี้จะถูกเรียกว่า ‘mock justice’ แปลให้วัยรุ่นอาจจะเรียกว่า ‘คอสเพลย์ตุลาการ’
แล้วทำไมถึงต้องเรียกว่าศาลจิงโจ้?
มีข้อสันนิษฐานหลากหลายคำอธิบาย เช่น เกิดจากข้อพิพาทในการขุดทองที่มลรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 1849 โดยมีชาวออสเตรเลียจำนวนมากมาทำงานที่เหมือง จนนำมาสู่การเร่งรีบตัดสินคดีโดยมีเป้าหมายเพื่อจัดการปัญหาข้อเรียกร้องของคนงาน
อีกข้อสันนิษฐานหนึ่งคือ จิงโจ้มีพฤติกรรมกระโดดไปกระโดดมานั้น ให้นัยยะไปถึงการกระโดดย้ายข้างได้เรื่อยๆ หรือกระโดดข้ามหลักการหรือหลักฐานต่างๆ ได้ เป็นกระบวนการพิจารณาที่ไม่เป็นไปตามกฎหมาย เช่น สั่งขังจำเลยที่ยังไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิด เป็นต้น
ความเป็นไปได้อีกประการคือ สมมุติฐานที่ว่าวลีนี้อาจหมายถึงกระเป๋าของจิงโจ้ ซึ่งหมายความว่าศาลอยู่ในกระเป๋าของใครบางคนที่คอยบงการ
อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าคำคำนี้เริ่มใช้ขึ้นเมื่อใด คนทั่วไปมักเชื่อว่ามาจากศาลอาญาในดินแดนอาณานิคมของอังกฤษอย่างออสเตรเลีย กระนั้นในพจนานุกรมอ็อกซ์ฟอร์ดได้อ้างถึงการปรากฏครั้งแรกของคำจาก Philip Paxton สิ่งพิมพ์ท้องถิ่นของมลรัฐเท็กซัส สหรัฐ ในปี 1853
ดูเหมือนว่าศาลจิงโจ้นี้จะถูกใช้อย่างมากในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะในกรณีที่ศาลกลายเป็นเครื่องมือการปกครองของรัฐบาลนาซี ในเยอรมนี และกรณีของสตาลิน ในโซเวียต
กระนั้นในช่วงหลังคำนี้ถูกนำมาใช้กับเรียกศาลที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาถาวรก็ได้ แต่คุณสมบัติดีเด่นไม่แพ้กันคือไม่สนใจหลักกฎหมายหรือจรรยาบรรณวิชาชีพใดๆ และที่สำคัญมีการตั้งธงการตัดสินเอาไว้ล่วงหน้า เราอาจจะเห็นได้จากทิศทางของรัฐบาลอำนาจนิยมในหลายประเทศ รัฐบาลเหล่านี้มักใช้อำนาจกดขี่ผ่านกฎหมาย โดยมีศาลทำหน้าที่ไล่ล่ากำจัดศัตรูทางการเมืองและรักษาตำแหน่งของพวกพ้องตนเอง
ถ้าจิงโจ้เป็นอุปมาที่น่ารักไป อาจใช้คำว่า ‘นิติสงคราม’