ควันหลงออสการ์ ทำไมเวียดนามไม่อยากนับญาติกับ คี ฮุย ควน ผู้อพยพที่ถูกเมิน

“ผมใช้เวลา 1 ปี ในค่ายผู้ลี้ภัย และมาจบลง ณ เวทีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฮอลลีวูด” เขากล่าว “พวกเขาบอกว่าเรื่องแบบนี้คงเกิดขึ้นในหนังเท่านั้น แต่ผมไม่อยากเชื่อเลยว่า มันจะเกิดขึ้นกับผม นี่คืออเมริกันดรีม”

คี ฮุย ควน (Ke Huy Quan) (หรือชาวเวียดนามออกเสียงว่า เก๋ ฮวี กวาน) ผู้ครองตุ๊กตาทองคำ สาขานักแสดงสมทบชายคนล่าสุด แม้เขาจะเป็นคนเชื้อสายเวียดนามคนแรกที่คว้ารางวัลออสการ์ แต่สื่อต่างๆ ในเวียดนาม (ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ) กลับกล่าวถึงภูมิหลังของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

สื่อบางสำนักในเวียดนามเน้นย้ำถึงเชื้อสายจีนของเขามากกว่าจะระบุเชื้อสายเวียดนาม เพราะแม้ว่า คี ฮุย ควน จะเกิดในกรุงไซง่อน (นครโฮจิมินห์) เมืองหลวงของเวียดนามใต้ ในปี 1971 แต่ครอบครัวของเขาเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายจีนที่ประกอบอาชีพค้าขายและค่อนข้างมีฐานะ

หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Thanh Nien รายงานเพียงว่า “เขาเกิดในปี 1971 ในครอบครัวชาวจีนที่นครโฮจิมินห์ จากนั้นจึงย้ายไปสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายทศวรรษ 1970”

หนังสือพิมพ์รายวัน Tuoi Tre เขียนว่า “ควน คี ฮุย เกิดในปี 1971 ที่เวียดนาม ในครอบครัวชาวจีน มีแม่เป็นชาวฮ่องกงและพ่อเป็นชาวจีนแผ่นดินใหญ่”

VN Express ระบุว่า “เขามีพ่อแม่เป็นคนจีนในเขตโชลอน (Cho Lon หรือที่ชาวเวียดนามเรียกว่า เจอะเหลิน) ซึ่งเป็นย่านการค้าของไซง่อน และเป็นชุมชนของคนเชื้อสายจีนแต่ดั้งเดิม”

ขณะที่ในฟากรัฐบาลเวียดนามก็ไม่มีท่าทีต่อประเด็นนี้มากนัก คำถามคือ เหตุใดจึงมีปฏิกิริยาเงียบผิดปกติและดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะยอมรับความสำเร็จของ คี ฮุย ควน ซึ่งยอมรับรากเหง้าเวียดนามของตนอย่างเปิดเผย

ย้อนกลับไปในทศวรรษที่ 1970-1980 คลื่นผู้อพยพชาวเวียดนามก่อตัวขึ้นผ่านเรือสภาพง่อนแง่นในทะเลจีนใต้ มากกว่า 1.5 ล้านคนต้องออกจากบ้านเกิด และส่วนใหญ่เป็นคนเวียดนามเชื้อสายจีน สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR รายงานว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิตบนเส้นทางอพยพกว่า 200,000-400,000 คน

โศกนาฏกรรมของผู้อพยพทางเรือ ถือเป็นสิ่งเตือนใจถึงความสัมพันธ์ร้าวฉานของเวียดนามกับรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน เพราะแม้ทั้งสองจะมีความใกล้ชิดในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยจีนให้การสนับสนุนจำนวนมากต่อเวียดนามเหนือระหว่างการต่อสู้กับฝรั่งเศสและอเมริกา

แต่เมื่อเวียดนามเหนือได้รับชัยชนะในเดือนเมษายน ปี 1975 และรวมประเทศสำเร็จ รัฐบาลคอมมิวนิสต์เวียดนามกลับเอนเอียงเข้าข้างสหภาพโซเวียตเนื่องจากปมความแตกแยกของจีน-โซเวียต (Sino-Soviet split) ที่จีนหันไปสร้างสายสัมพันธ์กับสหรัฐ

ประชากรเวียดนามเชื้อสายจีนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในย่านโชลอน รวมถึงครอบครัวของ คี ฮุย ควน จึงอยู่ภายใต้บริบทความขัดแย้งเช่นนี้ นอกจากนั้น เศรษฐกิจของเวียดนามยังตกอยู่ในสภาพเลวร้ายเป็นเวลาหลายปีหลังสงคราม เผชิญการโดดเดี่ยวทางการเมืองระหว่างประเทศ และนโยบายสายสังคมนิยมที่ไม่ยืดหยุ่น ชาวเวียดนามเชื้อสายจีนจึงเริ่มอพยพออกนอกประเทศ โดยคลื่นอพยพครั้งใหญ่เกิดขึ้นในเดือนกันยายน ปี 1978 และถูกกระตุ้นอีกครั้งหลังจีนโจมตีเวียดนามในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1979 ทำให้ความรู้สึกต่อต้านจีนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในปัจจุบัน แม้ชาวเหวียต เกี่ยว (Viet Kieu) หรือคนเวียดนามโพ้นทะเล ที่มีเชื้อสายจีนจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตที่เวียดนามได้ แต่ความรู้สึกต่อต้านจีนยังคงดำเนินต่อไป จากนโยบายที่แข็งกร้าวในกรณีข้อพิพาทเกาะในทะเลจีนใต้ รวมไปถึงอิทธิพลทางเศรษฐกิจของจีนที่สูงขึ้นในภูมิภาค 

ความขัดแย้งข้างต้นและยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอาจกำลังบอกว่า ชาวเวียดนามเองก็ไม่ได้รู้สึกว่า การประสบความสำเร็จของ คี ฮุย ควน จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับความเป็นเวียดนามแต่อย่างใด ซึ่งสะท้อนได้จากตัวอย่างความคิดเห็นบนเฟสบุ๊กของ BBC Vietnamese เช่น

“เขา (คี ฮุย ควน) ไม่ได้มีเชื้อสายเวียดนาม เขาเป็นเพียงลูกครึ่งจีน-เวียดนาม และเกิดในเวียดนาม เราควรพูดให้ชัดเจน”

“สื่อควรเขียนให้ชัดเจนว่า เขาเป็นคนอเมริกันเชื้อสายจีน เขาเคยมีสัญชาติเวียดนาม! แต่ฉันไม่เห็นรากเหง้าเวียดนาม (Vietnamses origin) สักกะนิด”

แต่ผู้โพสต์อีกคนหนึ่งเขียนว่า “เราควรจะบอกว่าเขาเป็นคนเวียดนาม เพราะเขาเกิดในเวียดนามและมีเชื้อสายจีน”

ขณะที่ เหงียน วัน ตวน (Nguyen Van Tuan) (หรือ เหวียน วัน เตวิ๋น ในสำเนียงเวียดนาม) ศาสตราจารย์แพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ในซิดนีย์ และอดีตผู้อพยพทางเรือ กล่าวว่า ไม่ว่าคนเวียดนามอยากจะพูดถึง ‘เชื้อสาย’ เวียดนามของ คี ฮุย ควน หรือไม่ แต่การที่สื่อของรัฐบาลเวียดนามละเลยประวัติของ คี ฮุย ควน ในฐานะผู้อพยพ นับเป็นเรื่องน่าเสียใจ 

“เรื่องราวของชาวเรือผู้ลี้ภัยในทศวรรษ 1970 และ 1980 เป็นบทเรียนที่น่าเศร้าในประวัติศาสตร์ของเวียดนาม ผู้ลี้ภัยส่วนใหญ่ที่เดินทางมาถึงสหรัฐในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็นเชื้อสายจีนหรือเวียดนามล้วนยากจน พวกเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่สุดท้ายพวกก็เขารอดและเติบโตขึ้นมา” เหงียน วัน ตวน กล่าว

ย้อนกลับไปในปี 2022 คี ฮุย ควน ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Guardian ในวาระดาราเด็กจาก Goonies (1985) และ Indiana Jones and the Temple of Doom (1984) ก่อนจะหวนกลับมาในภาพยนตร์ Everything Everywhere All at Once (2022) โดยเขาได้ย้อนความหลังในวัยเด็กว่า 

“เราเป็นผู้ลี้ภัย ไม่มีใครต้องการเรา… พวกเขาจะเรียกเราว่า ‘fresh off the boat’ พวกเขาจะล้อเลียนเราเมื่ออยู่ที่โรงเรียน คุณลองจินตนาการดูสิว่ามันจะส่งผลอย่างไรต่อสภาพจิตใจของเด็กคนหนึ่ง”

แต่แล้วชีวิตก็พลิกผัน เมื่อน้องชายของเขาไปออดิชันบทสำหรับอินเดียน่า โจนส์ (Indiana Jones) คี ฮุย ควน ในวัย 12 ปี ไม่ได้ตั้งใจที่จะออดิชัน แต่ฝ่ายคัดเลือกนักแสดงแนะนำให้เขาไปลองดูด้วย จนกลายจุดเปลี่ยนของชีวิต

ไม่ว่า คี ฮุย ควน จะมีเชื้อชาติใด นั่นเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวของลูกหลานผู้อพยพบนเวทีออสการ์หนล่าสุด

ที่มา

Author

ยสินทร กลิ่นจำปา
ผู้ปกครองของแมวน้อยวัยกเฬวราก จิบเบียร์บ้างตามโอกาส จิบกาแฟดำเป็นครั้งคราว จิบน้ำเปล่าเป็นกิจวัตร เชื่อว่าสิ่งร้อยรัดผู้คนคือเรื่องราวและความหวัง พยายามเขย่าอัตตาตนเองด้วยบทสนทนากับคนรอบข้าง

Illustrator

ณขวัญ ศรีอรุโณทัย
อาร์ตไดเร็คเตอร์ผู้หนึ่ง ชอบอ่าน เขียน และเวียนกันเปิดเพลงฟัง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า