งานศิลปะที่หนาวตั้งแต่ยังไม่ได้เห็น

เรื่องและภาพ : ทรงกลด บางยี่ขัน

ผมอยากจะหายาที่กินแล้วดูงานศิลปะรู้เรื่องมากรอกปากสักแผง

แต่เดี๋ยว เจ้ายาที่ว่านั่นมันก็คืองานศิลปะอีกชิ้นของศิลปินอีกคนที่ทำขึ้นมาสนุกๆ นี่นา มันเป็นงานศิลปะอีกแล้ว ศิลปะช่างเป็นเรื่องเข้าใจยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจไม่ได้ เข้าใจไหม

ผมเข้าใจว่า ในการเดินทางท่องยุโรปนั้นหากไม่มีพื้นฐานประวัติศาสตร์ศิลป์ อรรถรสในการรับชมสิ่งต่างๆ รอบตัวนั้นคงหดหายไปเกือบครึ่ง เมืองโบร่ำโบราณอย่างเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กก็น่าจะอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์เดียวกัน โดยเฉพาะการไปเยี่ยมเยือนสถานที่อย่างเฮอร์มิเทจซึ่งเป็นคลังเก็บงานศิลปะล้ำค่าจากทั่วโลกเอาไว้ถึง 3 ล้านชิ้น

ผมตื่นแต่เช้าตามปกติ พยายามกักเก็บความร้อนจากฮีตเตอร์ในเกสต์เฮาส์ จากน้ำอุ่นในห้องน้ำ จากชาร้อนๆ เต็มแก้ว ใส่ตัวอย่างไม่กลัวเหงื่อตก แล้วก็หุ้มห่อไว้ด้วยเสื้อยืดสองชั้น เสื้อหนาวบางๆ และหนาๆ อย่างละตัว เช้านี้อากาศหนาวชื้น ลองนึกถึงงานอีเวนต์ต่างๆ ในเมืองไทยที่มักจะมีละอองไอน้ำจางๆ พ่นให้ความเย็นกับผู้มาร่วมงานประกอบ เช้านี้ก็คล้ายๆ กันคือมีละอองหมอกๆ ฝนๆ ร่วงลงมาปะทะร่างกายเป็นระยะ ถ้าอุณหภูมิลดต่ำลงกว่านี้ไม่กี่องศา ผมว่ามันกลายเป็นเกล็ดหิมะแน่ๆ

แต่ถึงอย่างนั้น ผมก็ยังมีความสุขกับการเดินเท้าจากเกสต์เฮาส์ไปยังเฮอร์มิเทจ ประเมินจากขนาดในแผนที่แล้ว ถ้าเดินอย่างไม่รีบร้อน (ซึ่งยังไงก็ไม่รีบร้อนแน่ๆ ก็มันหนาวซะขนาดนั้น) ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็น่าจะถึง เหตุที่ผมสนุกกับการเดินเท้าก็เพราะย่านนี้เป็นย่านเมืองเก่าที่สองข้างถนนหนทางมีแต่ตึกเก่าสุดคลาสสิก พื้นถนนบางช่วงทำด้วยหิน มองไปทางไหนก็เจริญหูเจริญตา ซึ่งผมเองก็ไม่รู้ว่าศิลปะยุคนี้มันเรียกว่าอะไร

เดิมทีเฮอร์มิเทจคือพระราชวังฤดูหนาว โดยที่เจ้าของปราสาทท่านเป็นผู้รักศิลปะเป็นนักหนา ซื้อหาศิลปวัตถุล้ำค่าจากทั่วโลกมาครอบครองไว้ได้ถึง 3 ล้านชิ้น โดยเน้นหนักไปที่งานศิลปะจากยุโรปตะวันตก

ปราสาทแห่งนี้ใหญ่โตขนาด 1,057 ห้อง แต่ถึงอย่างนั้นข้าวของที่จัดแสดงอยู่ก็เป็นเพียงแค่ 1 ใน 5 ของคลังสมบัติทั้งหมดเท่านั้น แล้วคลังที่เก็บงานทั้งหมดมันจะใหญ่ขนาดไหนกันนะ

เฮอร์มิเทจเปิดให้เยี่ยมชมตั้งแต่ 10 โมงเช้า ผมเดินมาถึงช้ากว่าเวลาประตูเปิดไม่ถึง 10 นาที ปราสาทสีเขียวมินต์หรือสีเขียวสังขยาแห่งนี้งามสง่าอย่างน่าเกรงขามมากๆ พอเดินผ่านประตูหน้าเข้าไป ผมก็เจอกับนักท่องเที่ยวจำนวนหนาตาที่ต่อคิวกันยาวเฟื้อยออกมาจากทางเข้า ในคู่มือเขียนเตือนไว้ว่า ช่วงหน้าร้อนคิวจะยาวมาก ต้องเตรียมตัวตัวใจมาดีๆ แต่ตอนนี้มันหน้าหนาว หนาวมากด้วย ไหงผู้คนถึงล้นหลามขนาดนี้ แต่ผมก็ไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรนัก เพราะระยะทางจากจุดที่ยืนไปจนถึงทางเข้าแล้ว ถ้าค่อยๆ ไหลเข้าไป สักครึ่งชั่วโมงผมก็น่าจะเข้าไปในเฮอร์มิเทจได้

ในระหว่างที่ต่อคิวอยู่นั้น ผมก็เห็นนักท่องเที่ยวสาวชาวญี่ปุ่นซึ่งต่อคิวอยู่หน้าผมห่างไปสัก 4-5 คน เดินออกมาโพสต์ท่าสไตล์ญี่ปุ่นๆ ถ่ายรูปกับวิวรอบตัว ช่วยให้การรอคอยมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อย

พอแถวเดินไปได้สักระยะก็เกิดการชะงักงัน ไม่ขยับเขยื้อนอีกเลย เท่านั้นยังไม่พอ อากาศระดับที่หนาวจนปากสั่นยังส่งลมหนาวพัดวูบมาให้เย็นวาบบ่อยขึ้นเรื่อยๆ แล้วฝนก็โปรยลงมาหยิมๆ ราวกับตั้งใจจะลองใจนักท่องเที่ยว

แถวหยุดการเคลื่อนที่มาเกือบชั่วโมงแล้ว เมื่อเจอสภาพอากาศแบบนี้ หลายๆ คนเลยเดินถอดใจเดินกลับ สาวญี่ปุ่นที่อยู่ด้านหน้าผมด้วย ถ้าผมจำไม่ผิด ก่อนที่แถวจะหยุดไหล ผมยืนอยู่กลางๆ แถว มีคนอยู่ด้านหน้าผมพอๆ กับคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง แต่ตอนนี้ผมกลายเป็นมนุษย์กลุ่มท้ายแถว น่าสงสัยมากว่าพวกที่อยู่ท้ายแถวมันหายไปไหน

สักพักก็มีเสียงประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเป็นภาษารัสเซีย พอประกาศจบก็มีเสียงบ่นเป็นภาษารัสเซีย แล้วก็มีคนเดินออกจากแถว ผมถามฝรั่งที่ยืนใกล้ๆ กันว่าเขาประกาศว่าอะไร เขาบอกว่า เขาก็ฟังไม่ออกเพราะเขาไม่ใช่คนรัสเซีย ส่วนคนรัสเซียข้างๆ ผมเขาฟังภาษารัสเซียได้แต่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้

เสียงประกาศนั้นยังคงดังอย่างสม่ำเสมอ พอดังที คนก็หันมาปรึกษากันที แล้วก็เดินออกจากแถวไป คนที่ยังทนยืนตากลมตากฝนอยู่คงมีสองพวก พวกแรกคือพวกมุ่งมั่น ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็ไม่หวั่น กับอีกพวก คือพวกที่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น

สิ่งที่ผมเห็นหลังจากได้ยินเสียงประกาศก็คือ หลายคนถอดเสื้อหนาวออก แล้วส่งเสื้อให้เพื่อน บางคนก็พยายามยัดมันลงในเป้ในถุงที่อยู่ในมือ คนถอดเสื้อหนาวแล้วสามารถเดินลัดคิวเข้าประตูไปได้เลย

ผมไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร และมันก็ยากเกินกว่าจะสื่อสารถามชาวรัสเซียที่ไม่รู้ภาษาอังกฤษได้ ในเมื่อคนรอบข้างผมเขายังยืนรออยู่ในคิวได้ ผมก็ควรจะรอต่อไปได้ และพยายามหาความสุขจากการรอดีกว่า ความสุขเล็กๆ ที่คนในคิวหามาครอบครองได้ในตอนนี้ก็คือ การฝากเพื่อนต่อคิวไว้ก่อนแล้วตัวเองออกไปเดินขยับแข้งขยับขาเสียหน่อย

เพราะการยืนเฉยๆ ให้ลมหนาวกรรโชกเข้าใส่ฝ่ายเดียวเป็นชั่วโมงนั้นมันโหดร้ายเกินไป คนข้างๆ ผมเห็นผมยืนตัวสั่นด้วยความหนาวเลยแนะนำให้ผมออกไปเดินบ้าง เธอจะเฝ้าคิวให้ อารมณ์นั้นผมคิดว่าแค่เดินเฉยๆ ไม่น่าจะเพียงพอ ต่อให้กระโดดตบ สก็อตจั้มพ์ วิดพื้น หรือแทงปลาไหลด้วย ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าจะอยู่

คนที่ชอบคิดว่าผมเป็นผู้ชายอบอุ่น ควรได้เห็นผมในสภาพเย็น+ชาตอนนี้จริงๆ

ในระหว่างที่ยืนรอ ผมก็ได้เห็นว่าบนหลังคาและตัวตึกของปราสาทหลังนี้เต็มไปด้วยเทพและนักบุญมากมายเพื่อช่วยป้องกันไม่ให้ความชั่วร้ายเข้ามาใกล้ เหมือนนักท่องเที่ยวอย่างผมที่ถูกสกัดไม่ให้เข้าใกล้ตัวปราสาทได้สักที

ในคู่มือเขียนบอกว่า สถาปัตยกรรมของปราสาทหลังนี้ได้รับอิทธิพลมาจากอิตาลี ก็พวกเสาโรมัน หัวเสาเป็นใบผักกาด แล้วก็มีเทพยืนกันเป็นเทือกนั่นแหละ แนวนี้เป็นที่นิยมมากในอิตาลียุคนั้น รัสเซียเลยจ้างช่างอิตาลีมาสร้างในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กบ้าง เราเลยได้เห็นสถาปัตยกรรมแบบนี้ในรัสเซีย ที่น่าสนใจก็คือ อีกหลายร้อยปีถัดมา องค์ประกอบเหล่านี้ได้เดินทางมาสู่บ้านสรรจัดในกรุงเทพฯ และอีกยี่สิบปีถัดมา มันได้เดินทางไปยังบ้านของพี่น้องประชาชนไทยตามต่างจังหวัด เรียกว่าลงลึกถึงระดับรากหญ้า เดี๋ยวนี้บ้านตามต่างจังหวัดไหนๆ ก็มีหัวเสาแบบโรมัน และมีรูปปั้นเทพทั้งหลายในบ้านอย่างน้อยก็สักที่ ผมว่าเป็นการเดินทางของสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งทีเดียว

หลังจากยืนรอท่ามกลางสภาพอากาศวิปริตอยู่ 4 ชั่วโมงเต็มๆ เทพผู้ปกปักรักษาปราสาทหลังนี้ก็อนุญาตให้ผมเข้าไปข้างใน แต่ชีวิตมนุษย์มันก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างนั้น หลังจากซื้อบัตรแล้ว ผมก็พบว่า ผมต้องรอคิวเพื่อฝากเสื้อหนาวอีก ผมถึงเข้าใจว่า เหตุที่คนเข้ามาไม่ได้ก็เพราะที่ฝากเสื้อหนาวมันเต็มนี่เอง ผมยืนรออยู่ในแถวอีกประมาณครึ่งชั่วโมง ก็มีคนประกาศเป็นภาษาอังกฤษว่า ถ้าเราสามารถเอาเสื้อหนาวใส่กระเป๋าได้ก็เอาใส่กระเป๋าแล้วถือมาฝากตรงช่องรับฝากกระเป๋าจะเร็วกว่า เพราะที่รับฝากกระเป๋ายังไม่เต็ม อ๋อ เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้นี่เอง

คนหลายร้อยคนต้องยืนหนาวตากฝนข้างนอกเป็นชั่วโมงๆ เพราะที่ฝากเสื้อหนาวไม่พอเองหรือ แล้วพรุ่งนี้ก็จะเกิดเหตุการณ์ซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยๆ นะหรือ ทำไมเขาถึงไม่ทำที่ฝากเสื้อหนาวเพิ่มนะ หรือว่าจะเป็นการจำกัดจำนวนคน

พอฝากกระเป๋าเสร็จ ผมก็เดินไปต่อคิวเพื่อเช่าเครื่องเสียงสำหรับพาทัวร์ คิวก็ยาวเหลือเกิน ด้วยความเมื่อย ความล้า ความหิว และความจริงที่ว่าอีกไม่นานนักที่นี่ก็จะปิดแล้ว ผมเลยตัดสินใจเดินดูห้องต่างๆ เองแบบตามมีตามเกิด

แล้วก็ไม่ผิดหวัง ผมได้ดูทุกอย่างตามมีตามเกิดจริงๆ เพราะผมลืมไปเสียสนิทว่าคู่มือมันอยู่ในกระเป๋าที่ฝากไว้แล้ว การเดินดูห้องนับพันห้องในตึก 3 ตึก ตึกละ 3 ชั้น โดยไม่มีแผนที่เลย ไม่มีข้อมูลเลยมันถือว่าไร้จุดหมายมาก    การเดินดูทุกอย่างในเฮอร์มิเทจเลยเหมือนจะใช้ใจมากกว่าอย่างอื่น

แต่ละห้องตกแต่งได้อย่างอลังการโดยไม่ซ้ำกันเลย ผมว่าแค่เดินดูลายพื้น ดูสี ดูการจัดแสงในห้องอย่างเดียวก็เพลินแล้ว ของที่จัดแสดงอยู่ในแต่ละห้องก็มีคอนเซปต์ต่างกันออกไป เช่นห้องที่แสดงเรื่องประวัติศาสตร์ของอียิปต์ก็มีมัมมี่ โลงหิน โลงไม้ แล้วก็สมบัติมากมายมาจัดแสดงให้ดู ผมดูแล้วก็สงสัยว่า ของเหล่านี้มันออกมาอยู่ในพิพิธภัณฑ์ทั่วโลกได้ยังไง คนอียิปต์เคยอยากได้คืนแบบที่คนไทยขอทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์คืนจากอเมริกาบ้างไหม

คอลเลคชั่นศิลปะหลายแนวที่จัดแสดงอยู่นั้นแบ่งไล่ตามยุค ซึ่งคนนอกแวดวงศิลปะอย่างผมไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่ ผมว่าคนที่สนใจงานศิลปะมาเดินดูคงชอบ เพราะมันเหมือนกับการยกเอาตัวอย่างประกอบประวัติศาสตร์ศิลป์จากทั่วโลกมาตั้งให้ดู คนที่รู้คุณค่าเห็นแล้วคงหนาว

ส่วนอดีตนักเรียนวิทยาศาสตร์อย่างผม ดุแล้วใช่ว่าจะไม่รู้สึกรู้สานะครับ แค่ยืนรออยู่ข้างหน้า ก็ยังหนาวจะแย่

 

*****************************

(หมายเหตุ : ตีพิมพ์ สิงหาคม 2551)

Author

WAY

Author

กองบรรณาธิการ
ทีมงานหลากวัยหลายรุ่น แต่ร่วมโต๊ะความคิด แลกเปลี่ยนบทสนทนา แชร์ความคิด นวดให้แน่น คนให้เข้ม เขย่าให้ตกผลึก ผลิตเนื้อหาออกมาในนามกองบรรณาธิการ WAY

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ โดยการเข้าใช้งานเว็บไซต์นี้ถือว่าท่านได้อนุญาตให้เราใช้คุกกี้ตาม นโยบายความเป็นส่วนตัว

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
Manage Consent Preferences
  • Always Active

บันทึกการตั้งค่า