ปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา บีพี ที่เคยเกิดกรณีน้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกเป็นเวลานานถึง 87 วัน เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ได้ซื้อโฆษณาพื้นที่เต็มหน้า ในหนังสือพิมพ์ New York Times และ Wall Street Journal โดย เขียนพาดหัวว่า “ผู้นำธุรกิจต่างเห็นด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับบีพี คือสิ่งเลวร้ายสำหรับกลุ่มธุรกิจอเมริกัน”
สืบเนื่องมาจากเมื่อปี 2553 ซึ่งแท่นขุดเจาะน้ำมันดีพ วอเทอร์ ฮอไรซอน ของบีพี เกิดระเบิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และทำให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่อ่าวเม็กซิโกเป็นเวลานานถึง 87 วัน ได้รับผลกระทบตั้งแต่รัฐเท็กซัส หลุยเซียนา มิสซิสซิปปี อลาบามา และฟลอริดา ถือเป็นหนึ่งในหายนะภัยด้านสิ่งแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุดของสหรัฐและเป็นการรั่วไหลของน้ำมันที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา
ปีที่แล้ว บีพียอมรับผิดในข้อหาคดีอาญา กรณีแท่นขุดเจาะน้ำมันระเบิด และทำให้น้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก โดยบีพีได้ยอมความกับรัฐบาลสหรัฐและจ่ายเงินชดเชย 4,500 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นค่าปรับก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกัน
และ บีพีเองได้ตั้งกองทุนชดเชยกรณีน้ำมันรั่วจำนวน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ แต่จนถึงวันนี้เหลืออยู่เพียง 300 ล้านดอลลาร์
25 กรกฎาคมที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ New York Times และ Wall Street Journal ได้ตีพิมพ์โฆษณาซึ่งเป็นจดหมายจาก โทมัส โดนาฮิว ประธานหอการค้าสหรัฐอเมริกา โดยมีใจความสำคัญว่า
“ขอให้ทุกฝ่ายเดินไปข้างหน้า การไปขุดคุ้ยเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นไปแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร คดีดังกล่าวถูกดำเนินการโดย ทนายความที่ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มที่ร่ำรวยที่สุด แน่นอน พวกเขาต้องการเงิน และต้องการสำแดงอะไรสักอย่าง สิ่งที่เกิดขึ้นคือ การจ่ายค่าเสียหายแก่ผู้ที่ไม่ได้รับความเดือดร้อนจริงๆ จากการพิจารณาที่ผิวเผิน พวกเขาเหล่านี้จึงได้เงินชดเชยก้อนงาม ผ่านกระบวนการทางกฎหมายที่ดูเหมือนจะยุติธรรม…
…ถามว่าถ้าการชดเชยค่าเสียหายครั้งนี้เกิดล้มเหลวขึ้นมา จะเกิดอะไรขึ้น… ต่อไปกลุ่มธุรกิจต่างๆ อาจจะเลือกฟ้องร้องแทนการประนีประนอมจ่ายค่าเสียหาย ซึ่งก็จะทำให้คนที่ได้รับผลกระทบจริงๆ และควรได้ค่าชดเชยจริงๆ ถูกยืดการจ่ายออกไปอีก และท้ายสุดผลประโยชน์จริงๆ ก็จะไปตกแก่กลุ่มทนายไม่ใช่ผู้เดือดร้อน”
สิ่งที่เกิดขึ้นจริง ณ ตอนนี้คือผู้เสียหายยังไม่ได้รับการชดเชยทั้งหมด และเมื่อกองทุนเงินชดเชยของบีพีใกล้หมด การได้มีพื้นที่ในสื่อใหญ่ เพื่อดึงให้กระบวนการชดเชยค่าเสียหายดูไม่ชอบธรรมจึงเกิดขึ้น เพื่อต้องการบอกให้โลกรู้ว่า บีพีกำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องและเหยื่อที่แท้จริงมิใช่ใคร คือ กลุ่มธุรกิจเองต่างหาก
*************************************
ที่มา: commondreams.org