21 ธันวาคม 2555 ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค พร้อมเครือข่ายองค์กรผู้บริโภค 6 ภูมิภาค ร่วมแถลงข่าว “รายงานสถานการณ์ความทุกข์ของผู้บริโภคประจำปี 2555” พร้อมยื่นข้อเสนอกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรมและเร่งคุ้มครอง ผู้บริโภค เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคไทย โดยนางสาวสารี กล่าวว่า จากการรับเรื่องร้องเรียนของมูลนิธิฯและเครือข่ายผู้บริโภคที่ผ่านมา พบว่า
ปัญหา ที่ได้รับร้องเรียนมากที่สุดของศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค อันดับที่หนึ่ง คือด้านบริการสุขภาพและสาธารณสุข โดยปัญหาที่ผู้บริโภคร้องเรียนสูงสุดในหมวดนี้คือ ศูนย์ออกกำลังกายที่ปิดบริการโดยไม่แจ้งให้ทราบ หรือยังมีการรับสมัครสมาชิกตลอดชีพทั้งที่ไม่สามารถเปิดให้บริการได้แล้ว เมื่อสถานออกกำลังกายนี้ผิดสัญญาไม่สามารถให้บริการกับสมาชิกได้ก็ยังไม่คืน เงินค่าสมาชิกให้กับลูกค้าอีกด้วย ปัญหาข้อสัญญาไม่เป็นธรรม ทำแล้วต้องใช้บริการให้ครบ 1 ปีจึงจะสามารถบอกเลิกสัญญาได้
ทั้งนี้ ศูนย์บริการส่วนใหญ่จะหักเงินบัตรเครดิตผู้บริโภคทันทีในคราวแรก หรือบางรายต้องจ่ายค่าใช้บริการอื่นเพิ่มจากการชักชวนของพนักงานขายเช่น ครูฝึกส่วนตัว โปรแกรมเสริมที่หลากหลาย ซึ่งมีผู้บริโภคมาร้องเรียนถึง 680ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 30 ล้านบาท
รองลงมาคือ มาตรฐานการรักษา, ระบบการส่งต่อ, การใช้สิทธิในกองทุนฉุกเฉิน ที่ยังคงเป็นปัญหาจากความเข้าใจและการตีความที่ไม่ตรงกันระหว่างผู้ใช้ บริการและผู้ให้บริการว่าอาการป่วยลักษณะไหนที่เข้าข่ายใช้สิทธิฉุกเฉินได้ ปัญหาคุณภาพการให้บริการของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล
อันดับ สอง คือ ด้านการเงินการธนาคาร กรณีปัญหาที่น่าสนใจคือ ปิดบังการเรียกเก็บเงินค่าธรรมเนียมการโอนผ่านตู้กดเงิน โดยในใบสลิปจะไม่แสดงค่าธรรมเนียมแต่เมื่อนำสมุดบัญชีไปปรับจะพบค่า ธรรมเนียมปรากฏอยู่ซึ่งเป็นการจงใจเอาเปรียบผู้บริโภคอย่างยิ่ง ปัญหาการถูกธนาคารฟ้องร้องให้ชำระหนี้ทั้งที่ไม่ได้ใช้บริการ ซึ่งเป็นความผิดพลาดของระบบธนาคารเองทำให้ผู้บริโภคต้องแบกรับภาระในการ ต่อสู้คดีเองทั้งที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องกระทำด้วยความสุจริตโดยคำนึงถึง มาตรฐานทางการค้าที่เหมาะสมภายใต้ธุรกิจที่เป็นธรรม ปัญหาเรื่องการชำระหนี้กับทางผู้ให้บริการบัตรเครดิตในปีนี้ส่วนใหญ่จะเป็น เรื่องของการบริหารจัดการระบบการเงินส่วนบุคคลที่ผิดพลาด ทำให้ก่อหนี้แล้วไม่สามารถชำระได้ตรงตามเวลา ถูกฟ้องร้องเป็นคดีมากขึ้นสูงกว่าปีที่ผ่านมา
รวมถึง ปัญหาจากบริษัทประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยรถยนต์ ประกันชีวิต และประกันวินาศภัยที่มักอ้างกับผู้บริโภคว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่เข้า เงื่อนไขของการรับประกัน เป็นเหตุที่ต้องยกเว้นทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากต้องใช้วิธีการฟ้องร้องผู้ ประกอบธุรกิจประกันภัยเหล่านี้ จึงได้รับการชดเชยเยียวยา
อันดับสามคือด้านอสังหาริมทรัพย์ ประเด็นที่ส่งผลกับผู้บริโภคส่วนใหญ่คือ การผิดสัญญาซื้อขายของบ้านเอื้ออาทร ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย หาเช้ากินค่ำ เมื่อจ่ายค่างวดช้าก็ถูกธนาคารร่วมกับการเคหะแห่งชาติดำเนินการเปลี่ยนแปลง สัญญาโดยอ้างว่าทางการเคหะได้ซื้อคืนบ้านคืนแล้ว หากผู้บริโภคยังต้องการอาศัยอยู่ต้องจ่ายค่าเช่าคืนละ 100 บาท และท้ายสุดทางการเคหะก็จะดำเนินการฟ้องคดีเพื่อขับไล่ให้ผู้บริโภคออกจาก บ้านหลังนั้น
สำหรับปัญหาร้องเรียนเกี่ยวกับอาคารชุด เป็นเรื่องการก่อสร้างล่าช้าของโครงการ และการยึดเงินจองจากผู้บริโภค และปัญหาการใช้บริการห้องเช่า ลักษณะการร้องเรียน เป็นเรื่องการเก็บค่าน้ำค่าไฟฟ้าแพงเกิน และไม่คืนเงินประกัน อ้างเรื่องความเสียหายของห้องเช่า ซึ่งเกิดก่อนที่ผู้เช่าจะเข้าอาศัย
อันดับที่สี่คือด้านบริการสาธารณะ มีเรื่องร้องเรียนมากที่สุดคือ ปัญหาการให้บริการของระบบขนส่งสาธารณะ หากเป็นรถโดยสารขนาดใหญ่ จะพบปัญหาเรื่องอุบัติเหตุ ซึ่งทำให้ผู้โดยสารได้รับความเสียหายสูญเสียชีวิต และทรัพย์สิน ทรัพย์สินสูญหายระหว่างเดินทางและไม่ได้รับการชดใช้เต็มจำนวน เพราะผู้ให้บริการอ้างว่าจะชดเชยได้ไม่เกิน 500 บาทเท่านั้น
รถ จักรยานยนต์รับจ้าง ลักษณะปัญหาที่พบคือ การเก็บค่าโดยสารแพงเกินจริง ปฏิเสธรับผู้โดยสารที่มีรูปร่างอ้วน, ขับรถหวาดเสียวทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย, พูดจาไม่สุภาพตวาดผู้โดยสาร, ทิ้งผู้โดยสารระหว่างทาง
รถตู้โดยสาร มีปัญหาด้านการบรรทุกเกินจำนวน ใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด สูงสุดที่ความเร็ว 146 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับรถหวาดเสียว และเก็บค่าบริการแพง มีการนำรถตู้ 18 ที่นั่งมาให้บริการโดยไม่ผ่านการตรวจสอบในด้านความปลอดภัยของตัวรถ มีการใช้ช่องว่างทางกฎหมายคือรถทัวร์ 1 คันเป็นรถตู้ 3 คัน ทำให้รถตู้เพิ่มมากขึ้นเกินควบคุม
อันดับห้าคือ ปัญหาด้านสาธารณูปโภค ไฟฟ้า ประปา ลักษณะปัญหาคือการเก็บบริการที่สูงเกินจริง ในช่วงเวลาที่เกิดเป็นช่วงน้ำท่วมและผู้ร้องไม่ได้อยู่บ้าน
ปัญหา สายการบิน พบปัญหา สายการบินโลคอสท์ ยกเลิกเที่ยวบิน ไม่แจ้งหรือแจ้งกระชั้น , กระเป๋าสัมภาระหาย, ซื้อตั๋วผ่านอินเทอร์เน็ตถูกหักเงินจากบัตรเครดิตซ้ำ 2 ครั้ง
อันดับ ที่ห้าคือด้านสื่อและโทรคมนาคม พบว่ามีลักษณะของการได้รับซิมฟรีแล้วถูกเรียกเก็บเงินภายหลัง ทั้งที่ไม่ได้เปิดใช้บริการคือปัญหาสูงสุดในขณะนี้ รองลงมาคือปัญหาวันหมด แต่เงินไม่หมด แต่ไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ซึ่งถือว่าเป็นความหละหลวมในการบังคับใช้ กฎหมายของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
และอันดับที่หกคือ ปัญหาด้านอาหาร ยา เครื่องสำอาง ทั้งปัญหาอาหารหมดอายุแล้วยังนำมาจำหน่ายในห้างร้าน วันที่ผลิต วันหมดอายุ ไม่ชัดเจน ฉลากกำกับไม่เป็นภาษาไทย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่โฆษณาอวดอ้างสรรพคุณเสมือนยารักษาโรคที่มีอย่างดาษ ดื่นในระบบโซเชียลมีเดีย โดยที่ไม่มีการควบคุม หรือกำกับดูแล อย่างทั่วถึง เช่น ผลิตภัณฑ์ลดน้ำหนัก เร่งผิวขาว หน้าเด้ง หน้าใส หรือแม้กระทั่งผลิตภัณฑ์ที่เสริมสมรรถภาพทางเพศ ก่อให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภค
ข้อเสนอด้านนโยบายที่ได้นำเสนอไปแล้วแต่ยังไม่มีการดำเนินการ
1. ผลักดันกฎหมายองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค มาตรา 61 ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
2. บริการสุขภาพมาตรฐานเดียว โดยผู้ประกันตนต้องไม่ร่วมจ่ายเรื่องบริการสุขภาพและนำไปใช้ในสิทธิประโยชน์อื่น
3. บัตรเติมเงินจะต้องไม่กำหนดวันหมดอายุ ผู้ประกอบการต้องทำตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
4. ออกประกาศให้รถโดยสารสาธารณะต้องทำประกันภัยชั้น 1 (ประกันภัยภาคสมัครใจ)
5. ปรับโครงสร้างและการคิดราคาก๊าซให้เป็นธรรมในทุกประเภทการใช้งาน เช่น ภาคปิโตรเคมี ภาคครัวเรือน (หุงต้ม) และภาคขนส่ง(ยานยนต์)
6. เร่งรัดให้หน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียนกรณีแคลิฟอร์เนียว้าว ดำเนินการเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับการแก้ไขเยียวยาอย่างรวดเร็ว ทั้งในส่วนคดีแพ่ง และคดีอาญา
……………………………………..
ที่มา : มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค