การละสายตาและสมาธิจากการขับรถอาจก่อให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุได้ กฎหมายส่วนใหญ่จึงห้ามโทรศัพท์และส่ง SMS ขณะขับรถ และแนะนำให้ใช้อุปกรณ์เสริมอย่างแฮนด์ฟรี ขณะที่รายงานล่าสุดพบว่า แม้แต่เทคโนโลยีแฮนด์ฟรีก็ยังไม่ปลอดภัย หากใช้ขณะขับรถ
แม้ผู้ขับขี่จะจับจ้องไปข้างหน้าตลอด แต่การตัดสินใจขณะคุยโทรศัพท์ด้วยอุปกรณ์แฮนด์ฟรีจะช้าลง การทำงานของสมองจะถูกรบกวน ทำให้สมาธิของคนขับไม่ได้อยู่กับภาพตรงหน้าเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์
ทีมวิจัยจาก University of Utah ร่วมกับมูลนิธิ AAA ( AAA Foundation for Traffic Safety) ทำการตรวจวัดคลื่นสมอง การเคลื่อนไหวของลูกตา และการตัดสินใจของอาสาสมัครเมื่อต้องคุยโทรศัพท์ไปด้วยขณะขับรถ ผลที่ได้ถูกจัดระดับการรบกวนสมาธิผู้ขับขี่ จาก 1-3
การฟังวิทยุ รบกวนระดับ 1 การคุยโทรศัพท์ผ่านอุปกรณ์แฮนด์ฟรี อยู่ในระดับ 2 หรือเริ่มมีความเสี่ยง ขณะที่การฟังและตอบอีเมลผ่านฟีเจอร์ ‘voice-to-text’ หรือแอพพลิเคชั่นดังกล่าวผ่านสมาร์ทโฟน มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะเกิดอุบัติเหตุ เพราะได้ระดับความรบกวนสมาธิอยู่ที่ระดับ 3
เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทีมศึกษาจาก University of Alberta เก็บข้อมูลคลื่นสมองผู้ขับขี่ 26 รายผ่านเทคโนโลยีอินฟราเรด สเป็คโตรสโคป โดยทดสอบผ่านระบบซิมูเลเตอร์ (ไม่ได้ออกถนนจริง) ก็ออกมาสรุปผลการทดลองว่าการใช้อุปกรณ์แฮนด์ฟรีในรถทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิ อาจขับฝ่าไฟแดง ขับรถกินเลน และขับด้วยความเร็วเกินกำหนด
จากผลการศึกษา ทางมูลนิธิ AAA ออกมาเตือนว่าระบบ อินโฟเทนเมนต์ หรือระบบสั่งการด้วยเสียงในรถยนต์ อาทิ การสั่งปรับอุณหภูมิในห้องโดยสาร หรือการควบคุมความเร็ว ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและได้รับการพัฒนาจากบริษัทผลิตรถยนต์น่าจะได้รับการตรวจสอบและรับรองความปลอดภัยต่อผู้ใช้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะรถยนต์ที่ใช้ระบบสั่งการด้วยเสียงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในตลาด 5 เท่าภายในปี 2018
ที่มา: consumerreports.org